หลังจากเปิดตัว Toyota C-HR+ ที่ยุโรปไปได้ไม่นานล่าสุดที่สหรัฐอเมริกาเปิตดัวเช่นกันโดยใช้ชื่อ Toyota C-HR ไม่มีคำว่าพลัสต่อท้ายเหมือนยุโรป
Toyota C-HR+ คันนี้ไม่ได้นำพื้นฐานของ C-HR เจนปัจจุบันถอดเครื่องดัดแปลงเป็นอีวีแต่เป็นการพัฒนาใหม่หมดจากต้นแบบ Toyota bZ Compact SUV ที่เคยโชว์เมื่อ 3 ปีก่อนมาขัดเกลางานดีไซน์ให้ออกมาเด่นนั่นเอง
เริ่มที่ กระจังหน้าแบบ Hammerhead กริตเตอร์ขอบใหญ่ทึบสีดำมีปีกซ้ายขวาดีไซน์เอกลักษณ์สีเดียวกับตัวรถพร้อมตราโลโก้สามห่วงพร้อมไฟหน้า LED สองข้างทรงดุมีไฟ DRL แบบ LED รูปตัว C ในโคมเดียวกันรับกับกันชนหน้าพร้อมช่องระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่
ด้านข้างดีไซน์แนวตั้งหลังคารถที่ลาดลงแบบสีดำ ที่เปิดประตูหลังเรียบเนียนติดในตำแหน่งเดียวกับเสา C ที่เปิดประตูคู่หน้าดีไซน์ดึงก้านสีเดียวกับตัวรถ มีเสาอากาศครีบฉลามติดมาให้ ด้านท้ายมีไฟท้าย LED แนวยาวครอบทับฝาท้ายอย่างลงตัว โดยตัวรถมีขนาดเล็กกว่า Toyota bZ4X แต่ใหญ่กว่ารุ่น C-HR เครื่องยนต์จากแพลตฟอร์ม e-TNGA ดังนี้ ความยาว 4,520 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว 2,750 มิลลิเมตรและระยะต่ำสุดจากพื้น 110 มิลลิเมตร
ภายในใหม่หมดยกมาจากรุ่น bZ4X หรือ bZ ตั้งแต่ชุดแผงประตูและคอนโซลหน้าออกแบบมาในตัว U ล้อมรอบให้ดูความต่อเนื่องและชัดเจนตั้งแต่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงสหกรณ์ยกมากจากรุ่น bZ4X พร้อมมาตรวัดดิจิทัลและจอสัมผัสขนาดใหญ่ 14 นิ้ว สองอยู่ตำแหน่งใกล้กันจนไม่ต้องละสายตาอีกคันเกียร์อัตโนมัติดีไซน์ล้ำสมัย ชุดคอนโซลกลางพร้อมที่ท้าวแขนดีไซน์เล่นระดับ
มีที่ชาร์จมือถือไร้สายถึง 2 ช่อง พร้อมช่องเสียบ USB เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิอัตโนมัติซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์ด้านหลัง หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิก คันเกียร์ขนาดเล็กกว่ามาก เบาะนั่งหลังพับได้แบบ 60/40 มีพื้นที่วางสัมภาระก่อนพับเบาะมากถึง 416 ลิตร และลำโพง JBL 9 จุด และ 6 จุด
ขุมพลังเป็นแบบไฟฟ้าล้วนพร้อมจากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 74.7 kWh รุ่น AWD ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังรวม 343 แรงม้า วิ่งไกลสุด 467 กิโลเมตร (EPA) หรือ 642 กิโลเมตร (NEDC)
ด้านการชาร์จถ้าชาร์จเร็วกระแสตรง DC ชาร์จเต็ม 80% ภายใน 30 นาที โดยกำลังไฟสูงสุด 150 kW และชาร์จแกระแสสลับ AC เพิ่มกำลังการชาร์จสูงสุด 11 kW และพี่โตยังเคลมว่าตัวแบตเตอรี่จะคงประสิทธิภาพไว้ได้อย่างน้อย 70% แม้จะใช้งานไปแล้ว 10 ปี
พร้อมความปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0 มีประสิทธิภาพตรวจจับวัตถุแม่นยำขึ้น อาทิเช่น จักรยาน มอเตอร์ไซต์ และรถที่ตัดหน้า ให้การขับขี่ที่ปลอดภัย และช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน มีระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Intelligent Parking Assist ประกอบด้วยกล้อง 4 ตัว และเซ็นเซอร์ 12 จุด ช่วยการจอดเทียบ และเข้าช่องจอดได้ง่ายขึ้น พร้อมฟังก์ชันอื่นๆทั้ง
- เตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบตรวจจับวัตถุ Pre-Collision System with Pedestrian Detection (PCS w/PD)
- แปรผันความเร็วอัตโนมัติโดยใช้เรดาห์ตรวจจับรถคันหน้า Full-Speed Range Dynamic Radar Cruise Control (DCRR)
- ช่วยเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมฟังก์ชันหน่วงพวงมาลัยกลับอัตโนมัติ Lane Departure Alert with Steering Assist (LDA w/SA)
- ช่วยรักษาตำแหน่งรถในช่องทาง Lane Tracing Assist (LTA)
- ช่วยสังเกตป้ายสัญญาณเตือน Road Sign Assist (RSA)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beams (AHB)
- ช่วยขับขี่เชิงรุก Proactive Driving Assist (PDA)
- แจ้งเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitor (BSM)
- แจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน Lane Change Assist (LCA)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถขับมาด้านข้างขณะที่ผู้ขับขี่เปิดประตูลง Safe Exit Alert (SEA)
เบื่องต้น Toyota C-HR+ เตรียมขายที่สหรัฐอเมริกาต้นปีหน้าทั้งรุ่น SE และ XSE และเป็นการกลับมาใช้ชื่อนี้หลังยุติเจนที่แล้วเมื่อ 3 ปีก่อน
ที่มา Toyota