จากที่เคยเห็นข่าวอุบัติเหตุระเบิดหรือไฟใหม้จากการชาร์จโทรศัพท์มือถือในรถ แม้ว่าอันตรายจากเหตุการณ์นี้จะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก แต่ก็เป็นสิ่งที่สะเทือนขวัญของผู้ที่ใช้รถแทบจะทุกคนที่ต้องชาร์จโทรศัพท์มือถือในรถกันจำนวนไม่น้อย ซึ่งวันนี้ทาง Car2Day จะพามาดูสาเหตุและการคำนึงถึงความปลอดภัยในการชาร์จโทรศัพท์ในรถกันดูครับ
เพราะอะไรทำไมการชาร์จโทรศัพท์มือถือในรถถึงอันตราย?
ระบบไฟฟ้าต่างๆในรถยนต์นั้น ปกติแล้วจะต้องมีการจ่ายผ่านฟิวส์เพื่อป้องกันการลัดวงจร หากเราชาร์จโทรศัพท์เต็มแล้วเสียบคาเอาไว้ ไม่ดึงออก หรืออุปกรณ์ชาร์จชำรุด ไม่มีคุณภาพ ไฟรั่วขึ้นมา ก็อาจจะทำให้ฟิวส์ขาดหรือเกิดการลัดวงจรให้มีประกายไฟรั่วจากสายชาร์จได้ ซึ่งนี่คือสาเหตุใหญ่ของการลามไปถึงรถไฟไหม้ เพราะฉะนั้นควรใช้อุปกรณ์ในการชาร์จที่มีคุณภาพ ได้รับมาตรฐาน สภาพสมบูรณ์ไม่ชำรุด
การชาร์จมือถือในรถ ทำให้แบตเสื่อมจริงหรือไม่?
แบตเตอรี่ที่เราพูดถึงในที่นี้คือทั้ง 2 อย่าง ทั้งแบตเตอรี่รถยนต์และแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะแยกเป็นผลเสียดังนี้
- แบตเตอรี่รถยนต์ ปกติแล้วการใช้งานที่ได้คุณภาพจะอยู่ที่ระยะเวลา 2 ปี แต่เมื่อเทคโนโลยีรถใหม่สมัยนี้มีช่องเสียบให้ชาร์จโทรศัพท์มือถือติดมาด้วยแทบจะทุกคัน หรือไม่ว่าจะชาร์จเครื่องฟอกอากาศหรืออุปกรณ์ไอทีต่างๆที่เสริมเข้ามาในรถ ก็จะทำให้แบตเตอรี่รถยนต์นั้นทำงานมากกว่าเดิม ซึ่งก็จะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ลดลงเร็วขึ้น และเมื่อแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมลง ก็จะทำให้การสตาร์ทรถยนต์ติดยากขึ้นไปด้วย
- แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ ส่วนมากแล้วจะชาร์จผ่าน USB ในรถ หรือไม่ก็ปลั๊กที่จุดบุหรี่ซึ่งช่องนี้จะสามารถจ่ายกระแสไฟได้ถึง 1A หรือ 2.1A ซึ่งมีปริมาณแรงพอที่จะชาร์จมือถือได้ และ USB ในรถนั้นถูกออกแบบมาให้จ่ายกระแสไฟน้อย อยู่ที่ประมาณ 0.5A เพื่อเอาไว้เสียบไดร์ฟหรือโทรศัพท์มือถือเพื่อฟังเพลงมากกว่าการชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์โดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการชาร์จโทรศัพท์ที่มีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่หรือแท๊บเล็ตจะเห็นได้ว่าความเร็วในการชาร์จนั้นแตกต่างกัน ซึ่งในความผันผวนของการจ่ายไฟในรถนั้นจะไม่เสถียรนัก กระแสไฟที่จ่ายมาจึงไม่สม่ำเสมอ เมื่อถูกระบบไฟในหลายๆส่วนกระชากไป เช่น กระจกไฟฟ้า แอร์ เป็นต้นนั้น นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ไฟเข้าขณะชาร์จไม่เสถียรเป็นสาเหตุให้โทรศัพท์มือถือแบตเสื่อมได้
ชาร์จแบตในรถอย่างไรจึงจะปลอดภัย?
- อุปกรณ์สำหรับชาร์จควรเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน เช่น ทำจากพลาสติกเกรด A ไม่มีรอยต่อ
- ไม่ควรเสียบตัวพ่วง USB คาไว้ที่ช่องจุดบุหรี่ในรถ ควรถอดออกทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งานหรือมีการดับเครื่องยนต์
- ไม่ควรเปิดอุปกรณ์ในรถพร้อมกันหลายอย่างขณะที่ชาร์จมือถือในรถเพราะจะทำให้เพิ่มโอกาสที่แรงดันในรถไม่สม่ำเสมอมีสูง อาจเกิดไฟกระชากได้
- ไม่ควรชาร์จขณะสตาร์ทเครื่อง เพราะกระแสไฟฟ้าจะไหลเข้ามือถือมากเกินไป เกิดการกระชากไฟได้ ทางที่ดีควรสตาร์ทรถ เปิดแอร์ รอให้รถเคลื่อนตัวสักเล็กน้อย แน่ใจว่ากระแสไฟคงที่แล้วจึงค่อยเสียบสายชาร์จ
- พกแบตเตอรีสำรองติดไว้ แล้วชาร์จจากแบตเตอรีสำรองแทนการชาร์จในรถโดยตรง
สำหรับวิธีการชาร์จมือถือในรถให้ปลอดภัยที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ขอแนะนำให้ทุกคนพกแบตเตอรี่สำรองหรือพาวเวอร์แบงค์เอาไว้ชาร์จโทรศัพท์โดยเฉพาะจะดีกว่า เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอันตรายและแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมลงด้วย และขอเตือนว่าอย่าทิ้งแบตเตอรี่สำรองเอาไว้ในรถขณะจอดตากแดดโดยเด็ดขาด เพราะอาจเกิดความร้อนสูงและทำให้ไฟไหม้รถของคุณได้ เพราะสารลิเธียมในแบตเตอรี่เป็ฯโลหะที่ไวต่อปฎิกิริยาทางเคมี เมื่อได้รับความร้อนมากๆ จะทำให้เกิดการลัดวงจรจนถึงขั้นระเบิดก็เป็นได้ ควรพกติดตัวเอาไว้ดีกว่านะครับ