เป็นที่รู้กันดีว่าคาเฟอีนจากกาแฟช่วยให้คุณหายง่วงขณะขับรถทางไกล ยิ่งง่วง ก็ยิ่งดื่ม เพราะคิดว่าคาเฟอีนจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายคุณตื่นตัวได้ แต่รู้หรือไม่ว่า ดื่มกาแฟมากไปขณะขับรถ อาจเกิดผลลบมากกว่าผลดี
ร่างกายคนเรา โดยปกติไม่ควรได้รับคาเฟอีนเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน หากดื่มกาแฟมากกว่า 4 แก้วต่อวัน จะทำให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนมากถึง 500 – 1,000 มิลลิกรัม ส่งผลให้เกิดอาการหัวใจเต้นเร็ว มือสั่น ใจสั่น คลื่นไส้ หลังจากดื่มกาแฟไปแล้วประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงคาเฟอีนจะออกฤทธิ์ ทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น ร่างกายต้องสูญเสียเกลือแร่ คือ โซเดียมและแคลเซียมออกมาทางปัสสาวะมากขึ้นด้วย
ส่วนเครื่องดื่มประเภทชูกำลังมีปริมาณคาเฟอีน 50 มิลลิกรัมและมีปริมาณน้ำตาล 25-26 กรัมต่อขวด แม้หลายคนจะมีความเชื่อว่า เครื่องดื่มชูกำลังจะทำให้ร่างกายตื่นตัว ไม่ง่วง จึงเป็นสาเหตุให้ละเลยการพักผ่อน ทำให้ยิ่งอ่อนล้าจนมีอาการมึนงง อีกทั้งยังส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ การดื่มกาแฟและเครื่องดื่มชูกำลังเป็นประจำ จะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือดได้
ดังนั้นจะดีกว่าไหม หากก่อนเดินทางไกลคุณได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอก่อนวันเดินทาง และควรเปลี่ยนจากเครื่องดื่มชูกำลังมาเป็นดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ 6 – 8 แก้วต่อวันแทน โดยแนะนำว่า ให้เน้นจิบน้ำบ่อยๆ ขณะเดินทางหรือกินผลไม้สดหรือดื่มน้ำผลไม้คั้นสดรสเปรี้ยวที่caffeineเป็นแหล่งวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง มะม่วงดิบ หรือสับปะรด แทนจะดีกว่า เพราะวิตามินซีจะช่วยต้านความเหนื่อยล้าที่มาจากความเครียดและความกังวลขณะขับรถได้
นอกจากนี้ควรกินคาร์โบไฮเดรตต่างๆ ให้อิ่มพอดี อย่ากินมากจนเกินไป เพราะจะทำให้รู้สึกง่วงได้ง่าย รวมทั้งให้เลี่ยงกินผักที่ย่อยยาก เช่น กะหล่ำปลีดิบ ดอกกะหล่ำ ถั่ว หอมใหญ่ หน่อไม้ฝรั่ง และมันฝรั่ง เป็นต้น งดเครื่องดื่มที่มีฟอง เช่น โซดา หรือน้ำอัดลมผสมโซดา เพราะมีผลทำให้ท้องอืดเฟ้อและง่วงนอนได้เช่นเดียวกัน ซึ่งนั่นจะเป็นอุปสรรคระหว่างทาง