More

    ตารางผ่อน – ดาวน์ Next-Gen Ford Everest 2023 (รุ่น Titanium+) ผ่อนเริ่มต้น 22,103 บาท

    Next Gen Ford Everest 2023 พีพีวีเจนใหม่ที่ผสานสมรรถนะเพื่อเข้ากับความสะดวกสบายอันเหนือระดับเปิดราคาแล้ววันนี้ทั้ง 4 รุ่น 

    Ford Everest เจนใหม่ พร้อมแล้วที่จะวางจำหน่ายและส่งมอบอย่างเป็นทางการในประเทศไทยด้วยการเพิ่มทางเลือกใหม่อีกสองรุ่นนั่นคือ Titanium+ 4×2 และ Trend 4X2 Ford Everest เจนใหม่ รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่พร้อมลุยไปทุกที่ ดีไซน์ใหม่หรูหรา สนุกทุกการเดินทาง รูปโฉมภายนอกได้รับการพัฒนาให้มีความแข็งแกร่ง ดุดัน สร้างสรรค์รูปลักษณ์ที่ดูล้ำสมัยและบึกบึนมากยิ่งขึ้น

    ดีไซน์ภายนอก

    • ไฟหน้า Matrix LED ใหม่ในรุ่น Titanium+ 4×4 ส่วนรุ่นอื่นได้ไฟหน้า LED รูปตัว C ลายเส้นอันทรงพลังบนกระจังหน้า
    • ด้านหน้าของรถยังมีการผสมผสานขององค์ประกอบที่มีทั้งแนวตั้งและแนวนอน สื่อถึงเสถียรภาพในการขับขี่ที่เหนือชั้น
    • เส้นด้านข้างตัวถังทอดยาวจากด้านหน้าจรดท้ายรถ เน้นการออกแบบตัวถังที่สะดุดตา
    • ฐานล้อที่กว้างทำให้ซุ้มล้อใหญ่โดดเด่น เพิ่มความแข็งแกร่งและทันสมัยให้กับรถ
    • ราวหลังคาออกแบบเพื่อความสวยงาม เสริมอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อการผจญภัยโดยเฉพาะ รองรับน้ำหนักได้มากถึง 350 กิโลกรัมขณะรถจอดอยู่กับที่ และรับน้ำหนักได้มากถึง 100 กิโลกรัมขณะรถเคลื่อนที่ มอบการใช้งานแบบอเนกประสงค์ยิ่งขึ้นเพื่อบรรทุกสิ่งของ เช่น จักรยาน เรือแคนู กล่องสัมภาระ ไปจนถึงเต็นท์บนหลังคารถ พร้อมจุดยึดที่รองรับการใช้งานหลากหลายเหมาะสำหรับการติดตั้งหรือใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆ
    • ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่
    • ส่วนล้ออัลลอยมีให้เลือกทั้งขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 255/65 R18 ในรุ่น Trend และใหญ่สุด 20 นิ้ว พร้อมยาง 255/50 R20 ในรุ่น Sport และ Titanium +
    • ราวหลังคาออกแบบใหม่ Built-In โลโก้ Everest สีดำ พร้อมชุดแต่งสีดำทั้งชิ้นตั้งแต่กระจกมองข้าง ที่เปิดประตู ราวหลังคา ล้ออัลลอย คิ้วระบายอากาศที่บังโคลนหน้าซ้าย-ขวา และคิ้วด้านท้าย โดดเด่นเป็นสง่าในรุ่น Sport 4X2
    • ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และหลังคา Panoramic Moonroof ทำให้ภายในห้องโดยสารดูกว้างขวางยิ่งกว่าเดิม
    • มิติตัวรถใหม่หมด ตั้งแต่ความยาว 4,914 มม. ความกว้าง 1,923 มม. ความสูง 1,842 มม. ฐานล้อ 2,900 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 227 มม. และความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร

    ดีไซน์ภายในห้องโดยสาร

    • ภายในห้องโดยสารแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงทั้งอุปกรณ์และการตกแต่งภายในห้องโดยสาร โดยนำแรงบันดาลใจมาจากบ้านสมัยใหม่ การใช้วัสดุตกแต่งที่ให้ความรู้สึกหรูหรา และติดตั้งไฟสร้างบรรยากาศในทุกส่วนที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดพร้อมสอดรับกับฟังก์ชันอื่นๆหลายส่วน
    • แผงหน้าปัดด้านหน้าที่วางเต็มความกว้างของพื้นที่หน้ารถ
    • คอนโซลกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง และที่วางแก้วน้ำแบบพับเก็บได้สำหรับเบาะคู่หน้า
    • ระบบการชาร์จแบบไร้สาย
    • เกียร์อัตโนมัติแบบ Electronic Shifter หุ้มด้วยหนังสวยงามจับถนัดมือในรุ่น Titanium+ 4×4 พร้อมเบรกไฟฟ้า
    • เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง สามารถปรับอุณหภูมิและระบายอากาศได้
    • เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง รองรับการจดจำการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเบาะนั่งแถว 2 เบาะนั่งแถวที่ 3 เข้า-ออกได้ง่ายขึ้น ด้วยการออกแบบให้เบาะนั่งแถวที่ 2 ขยับมาด้านหน้ามากกว่าเดิม
    • นอกจากนี้ ผู้โดยสารทุกคนยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระ และชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตนเองได้ด้วยการติดตั้งปลั๊กไฟทั้ง 3 แถว เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเลื่อนได้ และพับได้แบบแบ่ง 60:40 ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 ซึ่งทำให้รถสามารถบรรจุผู้โดยสารได้ถึง 7 คน แบ่งที่นั่งในอัตราส่วน 50:50 และพับได้แบบไฟฟ้าสำหรับบางรุ่น ที่สำคัญเบาะแถวที่ 2 และ 3 ยังพับได้แบบแบนราบเพื่อการบรรทุกสัมภาระยาว ๆ ได้อย่างจุใจ

    ความบันเทิงและความสะดวกสบาย นอกจากความประณีตและความสะดวกสบายยิ่งขึ้นแล้วยังให้ความสำคัญกับการยกระดับอุปกรณ์เชื่อมต่อการสื่อสารและเทคโนโลยีอันทันสมัย

    • ด้วยแผงมาตรวัดดิจิทัลขนาด 8 นิ้วในรุ่น Sport 4×2 และ Trend 4×2 กับ 12.4 นิ้วในรุ่น Titanium+ 4×4 และ 4×2
    • หน้าจอแบบสัมผัสความคมชัดสูงขนาด 10.1 นิ้ว ในรุ่น Sport 4×2 และ Trend 4×2 กับ 12 นิ้ว ในรุ่น Titanium+ 4×4 และ 4×2
    • มาพร้อมระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร SYNC® 4A พร้อมรองรับการสั่งงานด้วยเสียงเพื่อการสื่อสาร ควบคุมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง และเข้าถึงข้อมูลต่างๆ
    • ลำโพง 8 จุด รวมถึงการติดตั้งโมเด็มมาจากโรงงานเพื่อให้เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน FordPass™
    • ยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถด้วยความสามารถในการสตาร์ทรถจากระยะไกล การตรวจเช็คสถานะต่างๆ ของรถ รวมไปถึงการล็อก และปลดล็อกผ่านโทรศัพท์มือถือหน้าจอทัชสกรีนแนวตั้ง
    • หน้าจอแนวตั้งยังแสดงผลเชื่อมต่อกับกล้อง 360 องศาในรุ่น Titanium+ 4×4 และ 4×2 โดยมีหน้าจอแยกส่วนเพื่อให้จอดรถได้สะดวกยิ่งขึ้นในพื้นที่แคบ หรือช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการเดินทางบนสภาพเส้นทางที่มีความสมบุกสมบัน

    บริการต่างๆ ประกอบด้วยแอปพลิเคชัน FordPass™ ช่วยให้ลูกค้านัดเข้ารับบริการผ่านช่องทางออนไลน์ได้ เช่น บริการด่วนและบริการรถเคลื่อนที่ นอกจากนี้ ลูกค้ายังสตาร์ทรถผ่านทางแอปฯ ได้ เหมาะกับการใช้งานทั้งในวันที่ร้อนและหนาวจัดบริการให้ยืมรถระหว่างซ่อมแซม ให้ลูกค้าสามารถยืมใช้งานรถระหว่างที่รถเข้ารับบริการได้ บริการรับ-ส่งคืนรถ ลูกค้าไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านหรือออฟฟิศ ส่งมอบความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้ายิ่งกว่าเคย

    เครื่องยนต์และสมรรถนะ

    • สำหรับเมืองไทยถึงแม้ไม่มีดีเซล V6 3.0 ลิตร Power Storke มาแต่ก็ยังมีขุมพลังที่คุ้นเคยกับดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร พัฒนาใหม่ตั้งแต่ดีเซลเทอร์โบคู่ Bi-Turbo รหัส YN2Q 2.0 ลิตร 210 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2000 รอบ/นาทีจับคู่กับ เกียร์อัตโนมัติแบบ Electronic Shifter 10 สปีด E-Shifter 10R80 ในรุ่น Titanium+ 4×4 และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด 10R80 ในรุ่น Titanium+ 4×2 และดีเซลเทอร์โบเดี่ยว P02Q 2.0 ลิตร 170 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตรที่ 1,750-2500 รอบ/นาทีจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 6R80 ในรุ่น Sport 4×2 และ Trend 4X2

     

    • สัมผัสทุกการผจญภัยด้วยระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมการเปลี่ยนโหมดการขับขี่ขณะรถเคลื่อนที่ด้วยระบบไฟฟ้า (Electronic Shift-On-The-Fly) หรือเรียกว่าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์ พร้อมตัวเลือกระบบการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อด้วย พร้อมโหมดการขับขี่ ให้เลือกถึง 4 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ normal, โหมดประหยัด, eco, โหมดถนนลื่น slippery, โหมดลากจูงและบรรทุก tow/haul ส่วนรุ่น Titanium+ 4×4 เพิ่มโหมด Terrain Management มาอีกสองโหมดคือ โหมดโคลน mud/ruts และโหมดทราย sand พร้อมดิฟล็อกแบบไฟฟ้า (Electronic Locking Rear Differential) และลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร มีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กิโลกรัม วัสดุป้องกันช่วงล่าง ตะขอคู่หน้า พร้อมหน้าจอแสดงผลสำหรับการขับขี่แบบออฟโรด แสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับรถและสภาพเส้นทางด้านหน้าจากกล้องหน้าพร้อมกับแนวเส้นกะระยะ ช่วยผู้ขับขี่ฝ่าทุกอุปสรรคได้ง่ายขึ้น เพียงกดปุ่มแค่ปุ่มเดียว ผู้ขับขี่สามารถเลือกดูข้อมูลได้ครบครัน

     

    • เสริมความมั่นใจด้วยเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีช่วยการขับขี่และอุปกรณ์ปกป้องความปลอดภัยที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น เพื่อมอบความสบายใจและช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิมากขึ้น ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ Active Park Assist 2.0 ช่วยให้ผู้ขับขี่จอดรถในพื้นที่แคบได้อย่างปลอดภัยเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ระบบจะช่วยบังคับพวงมาลัย ปรับเกียร์ เร่งความเร็วและเบรกในการจอดรถแบบขนานหรือเข้าช่องจอดได้อย่างง่ายดาย และระบบจะนำรถออกจากที่จอดรถแบบขนานเมื่อได้รับคำสั่ง ในรุ่น Titanium+ 4×4 นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่อยู่ในรุ่น Titanium+ ประกอบด้วย
        • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ Auto High-Beam Headlamps
        • กล้องมองรอบคัน 360 องศา 360-Degree Camera
        • ระบบตรวจจับลมยาง Tire Pressure Monitoring System
        • ควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop&Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Intelligent Adaptive Cruise Control (iACC) with Lane Centring
        • ช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน Automatic Emergency Braking with Pedestrian Detection
        • เตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning with Brake Support
        • ช่วยควบคุมรถหลังจากชน Post-Impact Braking
        • ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning (ใหม่)
        • ตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด Blind Spot Information System with Cross-Traffic Alert and Braking
        • ป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง Reverse Brake Assist (ใหม่)
        • ช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ Evasive Steer Assist (ใหม่)

    ความปลอดภัย

    • ความปลอดภัยพื้นฐานทั้งถุงลมนิรภัย 7 จุดรอบคันรวมใต้เข่าคนขับ
    • ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
    • สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและด้านหลัง
    • ป้องกันล้อล็อก ABS และกระจายแรงเบรก EBD
    • ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
    • ช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA
    • ลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM และควบคุมความเร็วขณะลงเขา HDC ในรุ่น Titanium+ 4×4

     

    Ford Everest เจนใหม่ มีสีภายนอกให้เลือกเจ็ดสีดังนี้

    • สีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก
    • สีเทา เมทิออร์ เกรย์
    • สีดำ แอบโซลูท แบล็ก
    • สีน้ำตาล อีควิน็อกซ์ บรอนซ์
    • สีขาว สโนว์เฟลค ไวท์ เพิร์ล (เพิ่มเงิน 12,000 บาท)
    • สีส้ม เซโดนา ออเรนจ์ (เพิ่มเงิน 12,000 บาท)
    • สีน้ำเงิน บลู ไลท์นิ่ง เฉพาะรุ่น Sport 4×2 และภายในรุ่น Titanium+เลือกได้ทั้งสีดำอีโบนี่ และสีครีม

    ตารางผ่อน – ดาวน์ Next-Gen Ford Everest 2023 (รุ่น Titanium+)

    หากท่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมของ Next-Gen Ford Everest 2023 (รุ่น Titanium+)  ติดต่อสอบถามได้ที่ตัวแทนจำหน่าย Ford ทั่วประเทศ

    *แต่ละดีลเลอร์จะมีรายละเอียดราคาไม่เหมือนกัน 

    **อ้างอิงเรทราคาดอกเบี้ยกลาง


    บทความอื่น ๆ

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts