Mercedes-AMG G63 หนึ่งใน SUV ไฮโซ..ที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งเหล่าบรรดาซุปเปอร์คาร์เลยทีเดียว ตอนนี้บอกเลยว่าบรรดาเศรษฐีไทยถ้าไม่มีเจ้า G กระป๋องคันนี้จอดอยู่ในโรงรถถือว่าเชย..เพราะทั้งหน้าตาหล่อย้อนยุคสู่ปี 70 พละกำลังที่แรงแบบสุดโต่ง ขับไปไหนมีแต่คนมอง..ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไร จะขับดีแค่ไหนไปชมในคลิปกันได้เลย
Design&Exterior
จุดเด่นแรกเลยที่สัมผัสได้ใน G63 คันนี้ นั่นคือเสน่ห์แห่งการดีไซน์ที่สะท้อนความเป็นตัวตนแห่ง SUV สายลุยที่รักษาเอกลักษณ์ความเป็นตัวของตัวเองได้อย่างโดดเด่น บนรูปทรงกล่องที่สืบทอดมายาวนานกว่า 42 ปี จากต้นตระกูล G-Glass พร้อมเสริมความหล่อเข้มพร้อมพละพลังที่แรงขึ้นเป็นพิเศษในรุ่น AMG
ไฟหน้าแบบ Multi Beam LED ทรงกลมดูคลาสสิคและมีเสน่ห์แบบย้อนยุค รับกับกระจังหน้า AMG Raditor trim และไฟเลี้ยวก้อนโตบนมุมฝากระโปรงให้ความรู้สึกวินเทจสุดๆ เช่นเดียวกับมือเปิดประตูแบบปุ่มกดที่ยังคงเอกลักษณ์ไว้เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน มาพร้อมล้ออัลลอย AMG CROSS-SPOKE FORGED ขนาด 22 นิ้วพิเศษ รัดด้วยยาง 295/40/R22 พร้อมดิสเบรคสี่ล้อแบบเซาะร่อง และคาลิปเปอร์ AMG สีแดงเด่น ปิดท้ายด้วยท่อไอเสียคู่ออกข้างตัวรถจาก AMG ให้ซุ่มเสียงที่ดุดันพร้อมโหมดปรับระดับเสียงที่ก้านพวงมาลัย
ส่วนบั้นท้ายก็ให้อารมณ์คลาสิคไม่แพ้ด้านหน้าและด้านข้างด้วยยางอะไหล่แบบแขวนบนฝาท้ายดูมีสเน่ห์นอกจากนั้นคันนี้ยังมีชุดแต่งแพคเกจเหล็กไร้สนิม ฝาครอบยางอะไหล่ บันไดข้าง ขอบบันได ขอบช่องเก็บสัมภาระท้าย กันชนด้านนอกมาให้อีกด้วย
Interior&Convenience
ภายในห้องโดยสารผสมผสานความทันสมัยเข้ากับดีไซน์คลาสิคได้อย่างลงตัว พร้อมอัดแน่นด้วยฟังชั่นไฮเทคแบบเดียวกับยนตกรรมหรูในค่าย โดดเด่นด้วยเบาะ AMG sport สีแดงวัสดุNAPPA เมมโมรีซีท พร้อมระบบนวด 8 แบบ ซึ่งมีความพิเศษตรงปีกเบาะด้านข้างซ้ายขวา ปรับรับโอบกระชับตามแรง G
พวงมาลัย วัสดุ NAPPA+DINAMICA พร้อมมัลติฟังชั่น แพดเดิลชิฟ ปรับไฟฟ้า ภายในรอบคันตกแต่งด้ายคาบอนไฟเบอร์ พร้อมจอขนาด 12.3″ พร้อมระบบ Mercedes me connect ปรับรูปแบบตาม รูปแบบปรับตาม AMG DINAMIC SELECT
ภายในสูงโปร่งสไตล์ออฟโรดให้รู้สึกอิสระ ทัศนวิสัยดี มีหลังคาซันรูฟบานเล็กไว้เปิดรับอากาศสดชื่น พร้อมเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยมจาก BURMESTER พร้อมไฟ Ambaint light ที่ปรับได้ 64 สี ส่วนระบบแอร์นั้นสามารถควบคุม3โซน Thermotronic พร้อมระบบฟอกอากาศ นอกจากนี้ยังมีปุ่มฟังชั่นออฟโรด และ Low range mode ปรับแรงบิดเครื่องยนต์พร้อมระบบเบรก คล้ายๆกับ4L ในรถทั่วไป
Engine&Transmission
ในด้านของขุมพลังนั้นเจ้า G63 คันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน V8 Biturbo ความจุ 3982CC.
ส่งถ่ายกำลังผ่านเกียร์ 9 สปีดแบบ Double clutching
ให้พละกำลังสูงสุดถึง 585 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลระดับ 850 นิวตันเมตร
จากที่ได้ลองขับเจ้า G63 คันนี้สามารถทำความเร็ว 0-100 อยู่ที่ 4.5 วินาที พร้อมตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงจากอีโคสติกเกอร์ ซึ่งถ้าวิ่งในเมืองจะกินน้ำมันอยู่ที่ 13.6 ลิตร/100 กม. ส่วนวิ่งทางไกลยาวๆรอบคงที่จะอยู่ราวๆ 12.4 ลิตร/100 กม.
ซึ่งนอกจากความแรงแล้วเจ้าเครื่องบล็อคนี้ยังสามารถลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์โดยจะขับเคลื่อนแบบสี่สูบได้ในโหมด Comfort เพื่อช่วยเซฟน้ำมันเพิ่มได้ในระดับนึง
Handling&Ride
Mercedes-AMG G63 คันนี้มีการออกแบบตัวถังแบบบอดี้ออนเฟรมเหมือนกระบะ ซึ่งให้ความแข็งแรงและทนทานพร้อมแชสซีหนา 4 มม. เอาใจสายลุย พร้อมกันนี้ยังออกแบบ Ledder type AMG RIDE CONTROL ดูดซับเสียง พร้อมช่วงล่างแบบปีกนกคู่พร้อมระบบกันสะเทือนแยกอิสระ พร้อมโช๊คอัพปรับไฟฟ้า ให้การขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งบนถนนดำและทางฝุ่น
Safety&Feature
ปิดท้ายด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Mercedes ซึ่งมีมาให้แบบครบๆ ตั้งแต่ระบบล็อคความเร็วแบบแปรผัน ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบเตือนและบังคับรถให้อยู่ในช่องเลน และออฟชั่นอื่นๆที่ยกเซ็ตมาจากซาลูนหรูในค่ายอย่างเต็มรูปแบบ เพียงพอสำหรับการใช้งานที่จะทำให้ขับเจ้ายักษ์คันนี้ได้อย่างปลอดภัย
Verdict
สำหรับเจ้า G63 อาจไม่ใช่รถที่สวยเฉียบหวือหวาดูร้อนแรงเหมือนนางแบบในชุดว่ายน้ำ แต่มันคือความงามที่ทรงสเน่ส์ดูโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ทุกครั้งที่ได้มอง เหมือนกับยานทะลุมิติจากอดีตสู่โลกปัจจุบัน ที่มาพร้อมพลังมหาศาลที่พร้อมพาเจ้ากล่องของขวัญขนาดใหญ่ยักษ์กระโจนไปข้างหน้าได้แบบหน้ายก ที่สำคัญในรุ่นใหม่นี้ยังเสริมความสะดวกสบายที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานทุกวันได้อย่างลงตัว ติดอยู่อย่างเดียวตรงน้ำมันที่อาจจะเปลืองสักนิดถ้าคุณคิดจะบดขยี้คันเร่งอย่างเมามันส์ กับราคาค่าตัวที่สูงกว่า 15 ล้านบาท (เกือบๆ 16 ล้าน) ซึ่งตรงนี้คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเศรษฐีไทยอยู่แล้ว แลกกับความหล่อ..แรง..หรู เท่านี้ก็พร้อมควักกระเป๋าได้อยู่แล้ว