Audi Skysphere ได้เปิดตัวต่อสาธารณะชนครั้งแรกในงาน Pebble Beach เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และเป็นรถคันแรกที่เปิดตัวก่อนเพื่อนในตระกูล “Sphere” ซึ่งเป็นรถยนต์สองที่นั่งเปิดประทุน เครื่องยนต์ระบบส่งกำลังไฟฟ้าเต็มรูปแบบ พร้อมระบบขับขี่เกียร์อัตโนมัติ 4 ระดับ และหลังจากนั้นไม่นานในงาน IAA Auto Show ทาง Audi ก็ได้เปิดตัว ” Sphere ” แต่เป็นรุ่นสี่ประตู ซึ่งรูปลักษณ์ดูไม่ต่างกันมากนัก ตามคอนเซ็ป “Skysphere”
Audi Grandsphere เป็นเพียงรถพลังงานไฟฟ้าต้นแบบ ที่ทางแบรนด์นำเสนอ ว่าจะมีระบบส่งกำลังไฟฟ้าเต็มรูปแบบ 100% ภายในห้องโดยสารมีความทันสมัยและกว้างขวาง มีระบบขับขี่อัตโนมัติ 4 ระดับ แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงรถต้นแบบที่ยังไม่มีกำหนดการผลิตอย่างชัดเจนว่าจะได้จับจองกันเมื่อไหร่
ดีไซน์การออกแบบระดับ High – end
Audi ได้ให้ฉายานามกับ Grandsphere ว่าเป็น ” private jet for the road ” เปรียบเทียบได้เหมือนกับเครื่องบินเจ็ต ซึ่งแนวคิดนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบภายนอกที่โฉบเฉี่ยวและยาวเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับ Audi A8 นั้น Sphere จะยาวกว่าอย่างเห็นได้ชัด
Audi Grandsphere นั้นมีมิติตัวถังที่ความยาว 17.6 ฟุต (5.4 เมตร) และขยายความกว้างถึง 6.6 ฟุต (2.0 เมตร) และมีระยะฐานล้อ 10.5 ฟุต (3.2 เมตร) เป้าหมายของนักออกแบบทาง Audi คือการทำให้ Grandshphere รู้สึกเหมือนเป็นผลิตภัณที่ “คุ้มค่าที่สุด” ในแบรนด์
การออกแบบด้านหน้ายังคงความเป็นเอกลักษณ์ของ Audi ในยุคปัจจุบัน
- ด้านกระจังหน้าแบบ Single frame คงความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งดูมีความใหญ่ พรีเมี่ยม มีไฟหน้าที่เรียวบางดูหรูหรารับกับฝากระโปรงหน้า มาที่ด้านท้ายรถไฟท้ายก็เรียวบาง รับกับท้ายที่สั้น ตราโลโก้ตรงกลางมีการฝังไฟเบรคเรืองแสงสีแดง
- ประตูรถเปิดแบบแยกออกจากกันตรงกลาง เป็นออกแบบที่แปลกใหม่
- ภายในห้องโดยสารของ นั้นแตกต่างจาก Audi รุ่นอื่น ๆ ที่เราเคยเห็น เป็นการออกแบบด้วยวัสดุระดับไฮเอนด์ เช่น ไม้ ขนสัตว์ อลูมิเนียม และกระจกกระจายอยู่ทั่วห้องโดยสาร ไม่มีหน้าจอTFT ทั้งหน้าคนขับและกลางคอนโซลแต่จะเป็นการฉายแบบโปรเจ็คเตอร์แบบเต็มพื้นที่ลงมาบนพื้นผิวไม้ของแผงหน้าปัด โดยแสดงผลสิ่งต่างๆ เช่น การควบคุมเสียงและการนำทาง และเมื่อเราเลือกขับในโหมด Auto Pilot พวงมาลัยและคันเร่งจะเคลื่อนกลับเข้าไปซ่อนในตัวรถ พร้อมกับการสัมผัสประสบการณ์ที่ไร้คนขับอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องทำความเย็นที่ติดตั้งบนคอนโซลกลาง พร้อมด้วยแก้วสองใบและขวดเครื่องดื่มที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการเดินทางที่แสนพิเศษด้วย Grandsphere
Grandsphere ขี่แนวคิดบนโฟล์คสวาเกนของกลุ่มพรีเมี่ยมแพลตฟอร์มไฟฟ้า (หรือ PPE) ซึ่งจะทำให้ทางไปสู่การผลิตที่มี A6 E-Tron , Q6และปอร์เช่ Macan EV โมดูลแบตเตอรี่ระหว่างเพลามีความจุ 120 กิโลวัตต์-ชั่วโมง และเมื่อรวมกับมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว – หนึ่งตัวต่อเพลา – แนวคิด Grandsphere มีกำลังสูงสุด 710 แรงม้า (530 กิโลวัตต์) และ 708 ปอนด์-ฟุต (960 นิวตัน) เมตร) ของแรงบิด นั่นทำให้สี่ประตูขนาดใหญ่สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 62 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 4 วินาที
ทาง Audi ประมาณการว่า Grandsphere สามารถวิ่งได้ในระยะ 466 ไมล์ (750 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งน่าจะอยู่ในระดับ WLTP ด้วยความสามารถในการเคลื่อนที่ได้ถึง 186 ไมล์ (300 กม.) ในเวลาเพียง 10 นาที ด้วยความสามารถของแบตเตอรี่ในการชาร์จสูงสุด 270 กิโลวัตต์ การชาร์จจาก 5 เปอร์เซ็นต์เป็น 80 เปอร์เซ็นต์ใช้เวลาเพียง 25 นาที
การขับเคลื่อนทั้งหมดจะไปอยู่ที่ล้อหลัง และระบบกันสะเทือนแบบถุงลมสามารถปรับได้ทั้งสองรุ่นเป็นมาตรฐานใน Grandsphere โดยระบบหลังสามารถปรับได้ภายในเสี้ยววินาทีเพื่อช่วยในการควบคุมระยะที่เกิดการกระแทกและการหมุนตัวของร่างกาย กล้องหน้ายังช่วยให้ระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ปรับในเชิงรุกขึ้นอยู่กับเงื่อนไขข้างหน้า
https://www.youtube.com/watch?v=JoKMs7cih_k&t=14s
สำหรับตอนนี้ Audi Grandsphere เป็นเพียงแนวคิดรถต้นแบบในอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 % ภายใต้แบรนด์ของ Audi ซึ่งทางบริษัทได้กล่าวว่า รถยนต์ต้นแบบทั้งสองรุ่นนี้ จะสามารถก้าวเข้าสู่ขบวนการผลิตจริงได้ในอีกไม่ช้า และเรา Car2Day จะคอยติดตามและนำมาอัพเดทให้ทุกคนได้ทราบไปพร้อมกัน