การต่อสู้แย่งชิง Oscar Piastri ระหว่าง McLaren และ Alpine ได้ผลสรุปออกมาเป็นที่เรียบร้อย โดยเป็นฝ่ายแรกที่ได้ตัวนักแข่งออสซีไปร่วมทีมในปี 2023
ผลของเหตุการณ์ข้างต้นไม่เพียงแต่ทำให้ Alpine ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมทางกฎหมายสูงถึง 540,000 ปอนด์ เท่านั้น แต่มันยังทำให้หลายฝ่ายได้รับผลกระทบจากคำด่าทอดูถูกเหยียดหยามมากมาย โดยเฉพาะตัวของ Piastri เอง
Piastri นั้นถูกกล่าวหาว่า ‘ขาดความซื่อสัตย์’ ต่อองค์กร จาก Otmar Szafnauer ทีมบอส Alpine หลังจากที่เขาหันหลังให้กับทีมแข่งซึ่งสนับสนุนเส้นทางอาชีพนักแข่งรถของเขา
ไม่เพียงเท่านั้น Piastri ยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จาก Toto Wolff ทีมบอส Mercedes ซึ่งชี้ให้เห็นถึง ‘ความซื่อสัตย์ที่ควรมี’ และ ‘การรับผลกรรม’
ในอีกด้านหนึ่ง McLaren เองก็เจอกับกระแสสังคมในแง่ลบเช่นกัน จากการที่พวกเขาเซ็นสัญญากับ Piastri เพื่อลงแข่งขันให้กับทีมในปี 2023 ในขณะที่ยังคงมีสัญญากับ Daniel Ricciardo อยู่
เมื่อการเจรจาทั้งหมดได้ข้อสรุป ในตอนนี้มุมมองและภาพต่าง ๆ ที่เราไม่เคยเห็นก็ได้เริ่มปรากฏออกมา และสถานการณ์บางอย่างก็ได้แตกต่างไปจากสิ่งที่หลายคนคิดอยู่มาก
Motorsport.com ได้พูดคุยกับคนวงในหลายคนที่มีความรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างดี และความจริงก็คือ แทนที่จะเป็นเรื่องของ Piastri ‘นักขับหนุ่มที่โหดเหี้ยมและทีมผู้จัดการของเขา’ ที่ร่วมมือกันทรยศต่อทีม มันกลับเป็นเรื่องของพวกเขารู้สึกผิดหวังและได้ข้อสรุปว่า พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมองหาที่อื่นหรือเสี่ยงที่จะไม่ได้อะไรเลย
และจากมุมมองของ McLaren พวกเขามีความผิดเพียงเพราะความพยายามในการไล่ตามตัวนักแข่งที่มีความสามารถมากที่สุดคนหนึ่งให้มาอยู่ในมือเมื่อสบโอกาส
ข้อโต้แย้งของคณะกรรมการการรับรู้สัญญา (Contract Recognition Board – CRB)
กรณีระหว่าง Alpine และ CRB เป็นการตรวจสอบเอกสารข้อกำหนด ซึ่งเป็นแผนการคร่าว ๆ ของ Alpine สำหรับนักแข่งออสซีระหว่างปี 2020 ถึง 2023 ซึ่งเดิมทีเอกสารนี้ได้ถูกส่งไปยัง Piastri และผู้จัดการของเขาอย่าง Mark Webber เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2021 โดยเป็นส่วนหนึ่งของการโต้ตอบที่มีรายละเอียดการตอบกลับของทีมโดยใช้ตัวเลือกที่มี
ในขณะนั้น (และได้รับการตกลงกันในอีเมลฉบับต่อ ๆ ไป) Alpine และ Piastri/Webber นั้นเห็นพ้องอย่างชัดเจนว่า วิธีที่ดีที่สุดในการดำเนินการจากเอกสารข้อกำหนดนี้คือ การแยกสัญญาออกเป็น 2 ฉบับ ฉบับหนึ่งสำหรับการเป็นนักแข่งสำรองในปี 2022 และอีกฉบับหนึ่งสำหรับการลงเป็นนักแข่ง F1 ตัวจริงสำหรับปี 2023/2024
ในจดหมายที่ Laurent Rossi, CEO ของ Alpine ส่งไปให้ในวันนั้น เขาสัญญาว่าข้อตกลงการเป็นนักแข่ง F1 ที่ถูกต้องจะถูกส่งถึงมือ Piastri/Webber ในไม่ช้า เพื่อดำเนินการภายใน 10 วันทำการ หลังจากได้รับสัญญาแบบเดียวกัน
ปรากฏว่าไม่มีข้อตกลง F1 ดังกล่าวเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเป็นนักแข่งสำรองหรือนักแข่งตัวจริง และเป็นที่เข้าใจกันว่า นั่นทำให้ Webber และ Piastri มีความผิดหวังเป็นอย่างมากต่อความล่าช้าที่เกิดขึ้น
ในการติดต่อกันระหว่าง Webber และทีมกฎหมายของ Alpine ในช่วงหลายสัปดาห์ถัดมา เห็นได้ชัดว่าสิ่งต่าง ๆ นั้นไม่ได้ดำเนินการไปอย่างรวดเร็วอย่างที่อดีตนักแข่ง F1 จะรู้สึกชื่นชอบนัก
สิ่งนี้ถูกกล่าวโทษในขั้นต้นว่าเป็น ‘คอขวด’ ในระบบที่เกิดจากการขาดทรัพยากร และจากนั้นก็เกิดความล่าช้าขึ้นอีกเมื่อทีมงานเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวรถใหม่
ท่ามกลางการเปิดตัวของ A522 ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ ทางทีมได้ให้สัญญาว่าเรื่องทั้งหมดจะคลี่คลาย
Webber ได้ถามถึงความเป็นไปได้ที่สัญญาจะถูกทำขึ้นก่อนวันที่ 1 มีนาคม เพื่อให้ทาง Piastri มีเวลาในการประเมินก่อนที่จะลงนามก่อนเปิดฤดูกาลที่บาห์เรน
ในวันที่ 2 มีนาคม Webber ได้รับคำมั่นว่า สัญญาจะอยู่ในมือของเขาในช่วงสายของวันนั้น
2 วันต่อมา Webber ได้รับ ‘ร่างข้อตกลงการเป็นนักแข่งสำรอง’ โดยมีข้อความระบุว่า รายละเอียดของข้อตกลงการเป็นนักแข่ง F1 สำหรับปี 2023/2024 จะตามมาอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์ถัดไป
ข้อตกลงฉบับหลังนี้ไม่ได้มาตามนัดแต่อย่างใด โดยในตอนแรกนั้น Alpine อธิบายว่ามีความล่าช้าเกิดขึ้นจากการจัดบทบาทนักแข่งสำรองที่ทำร่วมกับ McLaren
เมื่อฤดูกาลแข่งขัน F1 ใกล้เข้ามา ด้วยข้อตกลง Concorde ทาง Alpine จะต้องยื่นเรื่องขอใบอนุญาตขับแข่งกับทาง CRB เพื่อให้ Piastri ได้รับอนุญาตในการขับ F1 บนแทร็ค โดยได้มีการเสนอให้ Piastri ลงเป็นนักแข่งสำรอง เพื่อจัดการกับแต้มในใบอนุญาตขับแข่ง จากนั้นข้อตกลงการเป็นนักแข่ง F1 ที่ถูกแยกออกมาสำหรับปี 2023 และ 2024 จะตามมาในภายหลัง
ด้วยข้อตกลงนักแข่งสำรองที่ไม่ได้ลงนามทั้งนักแข่งหรือทีม ณ จุดนั้น Alpine จึงได้ส่งเอกสารไปยัง CRB ในวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งมีเอกสารข้อกำหนดของเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่ลงนามโดยทั้ง 2 ฝ่าย
ทางทีมได้ติดลาเบลที่ส่วนหัวโดยระบุว่ามันเป็น ‘ข้อกำหนดที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย’ ที่ไม่ได้ถูกลงนาม และไม่ได้ถูกนำเสนอคำเหล่านี้ ซึ่งอันที่จริงควรจะเป็นข้อตกลงซึ่งถูกแนบมาในซองจดหมายปิดผนึกที่แยกออกมาต่างหาก (ที่จะถูกใช้ในข้อพิพาท CRB เท่านั้น)
เอกสารข้อกำหนดเหล่านี้ยังเป็นหัวข้อที่สำคัญอย่างยิ่ง ‘ภายใต้สัญญา’ และวางแผนที่ ‘น่าจะ’ ให้ Piastri เป็นนักแข่งสำรองเป็นเวลา 1 ปี ก่อนที่จะลงที่นั่งนักแข่งที่เป็นไปได้ในปี 2023
เอกสารที่ถูกยื่น อ้างถึงเฉพาะบทบาทนักแข่งสำรองในปี 2022 และไม่ได้กล่าวถึงส่วนขยายหรือตัวเลือกอื่นใดเพิ่มเติม
1 วันต่อมา ในที่สุด Alpine ก็ส่งข้อตกลงนักแข่ง F1 ให้กับ Webber และ Piastri ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อกำหนดในการเป็นนักแข่งให้กับทีมในปี 2023 และหลังจากนั้น
สิ่งนั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม เมื่อ Piastri ได้รับข้อเสนอให้เซ็นสัญญา 4 ปี จากปี 2023 – 2026 แต่สิ่งสำคัญคือ นี่ไม่ใช่การลงแข่งขันในนามของ Alpine เท่านั้น ที่ซึ่งความหวังของเขาโดนตรึงเอาไว้
มันเป็นไทม์ไลน์ที่ถูกวางเอาไว้เพื่อให้นักแข่งออสซีลงแข่งขันให้กับ Wiliams ในปี 2023 จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับ Fernando Alonso ว่า นักแข่งออสซีจะได้กลับมาแข่งให้กับ Alpine หากนักแข่งสแปนิชตัดสินใจวางมือจากวงการ
สำหรับปี 2025 มีการตัดสินใจว่า Piastri จะได้รับสัญญาที่มั่นคงเป็นเวลา 2 ปี เพื่อแข่งขันให้กับ Alpine ไปจนถึงสิ้นปี 2026
ข้อเสนอนี้ทำให้ Piastri หมดความหวังกับอนาคตระยะสั้นที่ Alpine ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่เซ็นสัญญาและดำเนินการใด ๆ ต่อ
ดังนั้น Webber และ Piastri จึงเห็นพ้องต้องกันว่า เส้นทางที่ดีที่สุดคือการมองหาที่อื่น โดยมีการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการกับ McLaren ในช่วงเวลานั้น
แหล่งข่าวได้เปิดเผยคำตัดสินของ CRB ซึ่งระบุว่า “Alpine ได้ทำเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับสัญญานักแข่ง F1 ของ Mr. Piastri ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา และในตอนนี้พวกเขาก็เสนอสัญญา 4 ปี ที่เป็นการให้ Williams ยืมตัวไปเสียเป็นเวลา 2 ปี”
การเจรจากับ McLaren นั้นคืบหน้าไปเป็นอย่างมาก และด้วยการที่ทีมเข้าใจว่าได้แจ้ง Daniel Ricciardo ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมไปแล้วว่าพวกเขากำลังมองหาตัวเลือกอื่น ๆ สำหรับปี 2023 ข้อตกลงเบื้องต้นระหว่างทีมแข่งจาก Woking และ Piastri ก็ได้ถูกลงนามในวันที่ 4 มิถุนายน
เป็นที่เข้าใจกันว่า ในเบื้องต้นนั้น McLaren ยังไม่ได้ระบุบทบาทสำหรับ Piastri ในปี 2023 เผื่อในกรณีที่ Ricciardo ยังคงอยู่ต่อ แต่เห็นได้ชัดว่าทางทีมมีความตั้งใจที่จะให้ Piastri ก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริง หากนักแข่งออสซีอีกคนหนึ่งแยกทางออกไป
เมื่อทั้ง McLaren และ Piastri พึงพอใจว่า ไม่มีสิทธิ์ในการเรียกใช้บริการของนักแข่งออสซีในที่อื่น โดยอ้างอิงจาก Alpine ที่มีเอกสารข้อกำหนด ‘ขึ้นอยู่กับสัญญา’ ที่ถูกส่งไว้ที่ CRB และการพูดคุยกับ Ricciardo เพื่อเร่งดำเนินการในทิศทางที่ชัดเจนของการแยกทาง Piastri จึงได้ลงนามสัญญาแข่งขันสุดท้ายในวันที่ 4 กรกฎาคม โดยขึ้นอยู่กับว่ามีที่ว่างสำหรับเขา
ดังนั้น โพสต์ใน IG ที่ตามมาของ Ricciardo เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม เกี่ยวกับความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ของเขากับการแข่งขันให้ McLaren ในปี 2023 จึงถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์เพื่อการเจรจาต่อรองเท่านั้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการเจรจาเมื่อต้องพูดถึงเงื่อนไขในการเลิกจ้าง มากกว่าที่จะเป็นการโพสต์โดยที่ตัวเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยในเบื้องหลังของ McLaren ถึงแม้ว่าอาจเป็นเรื่องจริงที่เขาไม่รู้ช่วงเวลาที่ McLaren ทำสัญญากับ Piastri ก็ตาม
ด้วยสัญญากับ McLaren ในปี 2023 เข้าที่เข้าทางแล้ว Piastri จึงได้ใจเย็นรอคอยในระหว่างที่ McLaren ทำการสรุปเงื่อนไขในการแยกทางกับ Ricciardo ซึ่งพวกเขาต้องการให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะประกาศแผนนักแข่งในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดก็ถูกลากออกมาสู่สาธารณะ หลังจากที่ Alpine ได้สูญเสีย Alonso ไปให้กับ Aston Martin ในช่วงก่อนพักซัมเมอร์เบรก และหลังจากนั้นก็ประกาศให้ Piastri เป็นนักแข่งตัวจริงของทีมในปี 2023 เป็นผลให้นักแข่งหนุ่มออสซีต้องออกมาโพสต์ทวิตเตอร์อันโด่งดังที่กลายเป็นมีมมาจนถึงทุกวันนี้ว่า ‘เขาจะไม่แข่งขันให้กับ Alpine และทางทีมได้ประกาศออกไปโดยปราศจากความยินยอมจากเขา’ และนำไปสู่การพิจารณาคดีโดย CRB ในที่สุด
การตัดสินใจครั้งสุดท้าย
ในท้ายที่สุด การตัดสินของ CRB นั้นถือเป็นที่สิ้นสุด เอกสารข้อกำหนดที่มีป้ายกำกับว่า ‘ขึ้นอยู่กับสัญญา’ หมายความว่ามันยังห่างไกลจากความถูกต้อง และการที่ Alpine ไม่ยื่นเดินเรื่องใด ๆ เพิ่มเติม ข้อสรุปที่ชัดเจนก็คือ McLaren เป็นทีมเดียวที่มีสัญญาของแท้สำหรับปี 2023 และหลังจากนั้น
ที่น่าสนใจคือ การกระทำขั้นสุดท้ายของความขัดแย้งระหว่าง Alpine และ Piastri ทางทีมจากฝรั่งเศสได้โต้แย้งกับ CRB ว่า นักแข่งออสซีควรยอมเสียค่าธรรมเนียมทางกฎหมายของตัวเองมากกว่า 120,000 ปอนด์ เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่า Piastri ไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการพิจารณาคดี
แต่ผลคือ CRB ปฏิเสธ เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่า Piastri มีสิทธิที่จะมีตัวแทน นอกจากนั้น มีการร้องเรียนเพิ่มเติมจาก Alpine เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของตัวแทนทางกฎหมายของ McLaren นั้น ซึ่งพวกเขาคิดว่ามี ‘มากเกินไป’ ก็ถูกปัดตกด้วยเช่นกัน
ได้เวลาเดินต่อ
สำหรับ Alpine นอกเหนือจากการสูญเสีย Piastri และค่าใช้จ่ายทางกฎหมายทั้งหมดของทุกฝ่ายที่ต้องแบกรับไว้เองแล้ว พวกเขายังได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับนักแข่งและสัญญาของพวกเขา
ต้องบอกก่อนว่า Szafnauer นั้นพึ่งเข้าร่วมทีมเมื่อต้นเดือนมีนาคม ซึ่งในตอนนั้นสถานการณ์นั้นได้ดำเนินไปอย่างหนักหน่วงแล้ว และมันคงไม่ใช่ความสำคัญลำดับแรกของเขาที่จะโฟกัสไปที่เอกสารซึ่งถูกส่งไปยัง CRB แล้ว
เมื่อถาม Szafnauer ว่าเรื่องนี้ Alpine จะตอบสนองอย่างไร ทีมบอส Alpine กล่าวว่า “เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะกล่าวโทษต่อบุคคลที่ไม่อยู่ในที่นี้แล้ว แต่นั่นไม่ใช่สไตล์ของผม”
“สิ่งที่ต้องทำก็คือ ดูสิ่งที่เกิดขึ้น ทำความเข้าใจจุดบกพร่อง และแก้ไขเพื่ออนาคต”
ถึงแม้ว่าจะไม่มีการถกเถียงในแง่มุมทางกฎหมายของประเด็น Piastri แล้ว แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันว่าสำหรับ Szafnauer เขายังคงมีความรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับศีลธรรมต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ทางฝั่งของ McLaren ในขณะที่พวกเขารู้สึกยินดีที่ได้ตัวนักแข่งที่มีอนาคตไกลคนหนึ่งมาร่วมทีม แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจที่ Piastri ถูกพูดในทางที่ไม่ดี โดยที่ทางทีมไม่สามารถพูดอะไรในที่สาธารณะได้เพื่อปกป้องเขา
Andreas Seidl ทีมบอส McLaren กล่าวให้สัมภาษณ์ที่ Zandvoort “ผมคิดว่าผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับบางความคิดเห็นที่ผมได้อ่านมาจากผู้คนที่ไม่ได้รู้รายละเอียดเรื่องราวของสิ่งที่เกิดขึ้นเลย”
“ผมคิดว่าความคิดเห็นเหล่านี้บางส่วนนั้นไม่เหมาะสม ไม่ยุติธรรม และไม่เคารพต่อสิ่งที่เกิดขึ้น”
“ถ้าเป็นตัวผม ถ้าผมรู้อะไรแค่บางส่วนจากด้านเดียว ผมจะพยายามไม่แสดงความคิดเห็น และผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพูดถึง เพื่อปกป้องตัวของ Oscar”
อ้างอิง : motorsport.com