หลังจากที่เคยโชว์หรูที่งาน Motor Expo เมื่อปีกลายในฐานะแบรนด์น้องใหม่ให้ชาวไทยได้รู้จักก่อนขายจริงกับแบรนด์ DENZA นั่นคือ DENZA N7
ครั้งนี้จะกลับมาโชว์อีกครั้งมาในหน้าใหม่ไมเนอร์เชนจ์ที่เปิดตัวในจีนเมื่อต้นปีสำหรับ DENZA N7 ที่งาน Motor Expo 2024
ภายนอกปรับเล็กน้อยเริ่มที่ดีไซน์กันชนหน้าใหม่ไม่มีหนวดอีกแล้วออกแบบมุมซ้าย-ขวาเป็นรูปแนวนอนฝังไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED เน้นความทึบมากขึ้นพร้อมช่องระบายอากาศออกแบบให้ใหญ่ขึ้น พร้อมคิ้วใต้กันชนหน้าสีเงินใหม่นอกนั้นคงเดิมติดตรา DENZA ไว้ประกบกับ ไฟหน้า LED สามดวง เติมความโหดขึ้นอีกขั้นและเซนเซอร์ LiDAR ที่กันชนหน้า
ด้านข้างสปอร์ตล้ำกับกระจกสีดำเข้มโอเปร่าล้อมกรอบโครเมียม ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวรถ คิ้วขอบล้อสีดำสเกิร์ตข้าง ด้านท้ายมีความพรีเมียมขึ้นมาอีกระดับกับไฟท้าย LED แนวยาวสีรมดำ พร้อมตราตัวอักษร ขนาดใหญ่รับกับกันชนท้ายชิ้นใหญ่เสริมลิ้นกันชนหลังสีเงินให้ตัวรถดูดีขึ้น หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา
เสริมเด่นกับล้ออัลลอยห้าทูโทนก้านขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 235/50 R19 หรือ 255/45 R19 และขนาด 20 นิ้วพร้อมยางสปอร์ตขนาด 245/45R20 จากค่าย Continental ตัวรถมี
- ความยาว 4,860 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,935 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,602 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,940 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,320-2,440 กิโลกรัม
ภายในห้องโดยสารสง่าและลักชัวรีกับแผงคอนโซลหน้าดีไซน์ตัวเอ็กซ์ติดตั้งระบบจอด้วยกันถึง 4 จอประกอบด้วยชุดมาตรวัดดิจิทัลแบบ LCD 12.3 นิ้ว จอสัมผัสเชื่อมต่อระบบความบันเทิงขนาดใหญ่แบบลอยตัว 17.3 นิ้ว มีจอสำหรับฝั่งผู้โดยสาร ขนาด 10.25 นิ้ว และจอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือคอนโซลหน้าหรือ HUD พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านปาดล่างแบบ flat-bottomed
เบาะนั่งหรูแบบ 5 ที่นั่งหุ้มหนัง NAPPA เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง โดยเบาะคู่หน้า มาพร้อมกับ ระบบอุ่นเบาะ ระบบระบายอากาศ และจดจำตำแหน่งการปรับตำแหน่ง ชุดหนังสัมผัสตกแต่งด้วยแผงคอนโซลหน้าแผงประตูด้วยวัสดุระดับพรีเมียม คอนโซลกลางมีหัวคันเกียร์ไฟฟ้าเป็นคริสตัล ติดตั้งที่ชาร์จสมาร์ตโฟนชาร์จจุใจถึง 2 เครื่อง
เครื่องเสียงจาก Devialet พร้อมลำโพง 16 จุด ที่จะร่วมสร้างความบันเทิงและประสบการณ์ที่น่าจดจำทุกการเดินทาง เสริมด้วยแสงไฟเพื่อสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารกว่า 128 เฉดสี และระบบแสดงผลบนกระจกหน้า Head up display
ขุมพลังไฟฟ้ามีด้วยกันถึงสองความแรงตั้งแต่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้พลังมากถึง 313 แรงม้าวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งที่ 702 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC
รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้พลังมากถึง 529 แรงม้าวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งที่ 630 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC โดยทั้งสองมีความจุแบตเตอรี่เท่ากัน 91.392 kWh อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร เพียง 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มาพร้อมช่วงล่างแบบถุงลมกับชุดแบตเตอรี่ที่มีเทคโนโลยี CTB (Cell-to-Body) ถูกรวมเข้ากับแชสซีส์รถเพิ่มความแข็งแกร่งในการบิดตัวของรถ พร้อมโหมดการขับขี่สี่โหมดทั้ง Standard Sport ECO และ Snow/ICE ประหยัดเวลาในนาทีเร่งด่วน ด้วย Dual DC charger 150 kW และ 230 kW ให้คุณชาร์จได้ 2 หัวพร้อมกัน มาพร้อมฟังก์ชัน Vehicle to Vehicle เพื่อเป็นแหล่ง ชาร์จไฟให้กับรถคันอื่นได้ด้วย
พร้อมความปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นระบบอัจฉริยะรอบคัน อาทิเช่น กล้องมองภาพ 360 องศา แบบ 3 มิติ ช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ DENZA Pilot ปรับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ ตรวจสอบแรงดันลมยาง กันขโมยอัจฉริยะแบบอิเล็กทรอนิกส์ ควบคุมการทรงตัวของรถขณะเข้าโค้ง และระบบการกระจายแรงเบรกแบบไฟฟ้า พอมาในรุ่นปรับโฉมมีการอัปเกรดระบบให้ทันสมัยขึ้นเช่นระบบ ช่วยเหลือการจอดแบบอัตโนมัติ อัปเกรดช่วงล่างถุงลมใหม่ DENZA N7 รุ่นปรับโฉมพบตัวจริงที่งาน Motor Expo 2024 พฤศจิากยนนี้
ที่มา AUTOHOME