10 สุดยอดรถยนต์หรูระดับไฮเอนด์ ทั้งไฮเปอร์คาร์ ซุปเปอร์คาร์ ทั้งหลายที่ยังคงอยู่ในตลาดโลกและมีมูลค่ามหาศาลจนเศรษฐีหลายคนก็กระเป๋าขาด ควักเงินยอมซื้อมาเพื่อครอบครองประดับบารมี ที่เราจะนำมาให้ทุกคนได้ดูเป็นบุญตาด้วยกันในวันนี้ เชื่อว่าหลายคนคงอาจจะเคยได้ยินแบรนด์เหล่านี้กันมาแล้วบ้าง แต่คงไม่ทราบกันใช่ไหมว่ารุ่นไหนในปัจจุบันนี้ ราคาเค้าไปถึงไหนกันแล้ว ทำไมมันแพงอย่างนี้ ทำไมมันแพงกว่าชาวบ้านเขา ด้วยความหายาก รุ่นลิมิเต็ด ความสวย การออกแบบ การปราณีต คุณภาพนั้น ต้องบอกเลยว่า สมควรแล้วกับคำว่าแพงที่สุดในโลก ลองมาดูกันว่า ในปี 2021 ก่อนจะจบปีนี้ไปนั้น 10 รุ่นไหน ที่ยังคงเป็นตำนานความแพงนี้กันอยู่บ้าง
อันดับที่ 10 Bugatti Chiron Super Sport 300+
สนนราคายังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 3.5 ล้านยูโร (ประมาณ 117.8 ล้านบาท)
รถยนต์รุ่นโปรดัคชั่น ที่มีจำกัดเพียง 30 คันในโลกแห่งนี้ Bugatti Chiron Super Sport 300+ แตกต่างจากรุ่นทั่วไปตรงที่ในตัวถัง Longtail จะมีช่วงท้ายที่ยาวกว่า และ แนวหลังคาหลังลู่ลม เพื่อช่วยในการรีดลมให้ดีขึ้นและช่วยสร้างแรงกดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อเหยียบจนถึงความเร็วระดับ 420 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตกแต่งตัวถังด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ สีดำ Jet Black ตัดด้วยสีส้ม Jet Orange เพิ่มความโดดเด่นสะดุดเบ้าตา มีช่องจับอากาศใหญ่โตที่ด้านหน้า ดิฟฟิวเซอร์ก็ใหญ่ขึ้นมาอีก ส่วนล้อทำจากแมกนีเซียมน้ำหนักเบา สีเทาดำ Nocturne มีช่องระบายอากาศที่ซุ้มล้อทั้งสองด้าน
ภายในห้องโดยสาร เปิดขึ้นมาจะเจอกับสัญลักษณ์ Super Sport 300 + ฉายผ่านระบบไฟ LED ยิงลงที่พื้น ภายในตกแต่งรอบคันด้วยคาร์บอนสีดำ หนัง และ Alcantara สีดำ พร้อมตัดด้วยสีส้ม Jet Orange ให้แมทช์กับภายนอก ทั้งบริเวณพนักพิงศีรษะ, ที่พักเข่าคอลโซลกลาง และการเดินด้ายตะเข็บคู่ ส่วนกระจกมองหลังและคอลโซลกลางตกแต่งด้วยสีดำ Beluga Black
มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ W16 ความจุ 8.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ให้กำลังสูงสุดที่ 1,600 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ
++++++++++
อันดับที่ 9 Lamborghini Veneno
สนนราคายังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 144 ล้านบาท)
Veneno เปิดตัวโฉมหน้าอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในงานมหกรรมรถยนต์ระดับโลก Geneva Motor Show 2013 ที่จัดขึ้น ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กับ “Lamborghini Veneno” ซูเปอร์คาร์ค่าตัวแพงลิบลิ่ว ในฐานะรถรุ่นพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของการก่อตั้งบริษัท แถมผลิตเพียงแค่ 3 คันในโลกเท่านั้น!! โดยชื่อรุ่นนั้นมาจากชื่อของวัวกระทิงนักสู้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความดุร้ายและมีความแข็งแรง ซึ่งคร่าชีวิตมาทาดอร์ไปแล้วหลายราย
ตัวรถหลายจุดทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ กรอบไฟหน้าดีไซน์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ช่องดักลมขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาตามหลักแอโรไดนามิก เพื่อให้รถรีดลมได้เต็มประสิทธิภาพ มาพร้อมกับด้านท้ายที่มีแผงดิฟฟิวเซอร์รีดอากาศขนาดใหญ่ โดดเด่นกับสปอยเลอร์สุดโฉบเฉี่ยว ล้ออัลลอยสีดำขอบแดงซึ่งตัดกับสีรถสวยงาม
ภายในห้องโดยสาร สวยหรู เท่ห์สปอร์ตไม่แพ้ด้านนอก เพราะมีการตกแต่งมาตรวัดให้ดูมีความเป็นสปอร์ตมากขึ้น เบาะหนังที่ตัดเย็บมาด้วยความพิถีพิถันจากวัสดุชนิดพิเศษที่ทางแลมบอร์กินี่เรียกว่า Carbonskin
มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 740 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 609 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายใน 2.9 วินาที มีรูปแบบตัวถังให้เลือกทั้งคูเป้และเปิดประทุน ซึ่งทั้งหมดมีอยู่เพียง 14 คันบนโลก
++++++++++
อันดับที่ 8 Koenigsegg CCXR Trevita
สนนราคายังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 4.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 170 ล้านบาท)
ก่อนหน้านี้ แฟนคลับของยอดกำปั้น “ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์” โพสต์รูปคู่กับรถซุปเปอร์คาร์คันใหม่ล่าสุด ที่ลือกันว่ามีเพียง 2 คันทั้งโลกเท่านั้น ซุปเปอร์คาร์สัญชาติไวกิ้ง “Koenigsegg CCXR Trevita” คันนี้ จริงๆแล้วถือเป็นรถหรูระดับ ‘ไฮเปอร์คาร์’ ที่ถูกพัฒนาต่อมาจาก ‘Koenigsegg CCX’ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นรถที่สามารถวิ่งได้เร็วที่สุดในโลกคันหนึ่งเลยด้วยซ้ำ โดยถูกผลิตขึ้นมาตั้งแต่ปี 2005 เรื่อยไปจนถึงปี
2010 “Koenigsegg CCXR Trevita” ถือเป็นรุ่นสูงสุดในตระกูล ‘CCX’ ที่ผลิตขึ้นเพียง 2 คันเท่านั้น แต่ในปัจจุบันนั้นมี 4 คันแล้ว ความพิเศษจะอยู่ที่วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ที่ถูกถักทอขึ้นในรูปแบบสีขาวประกายเพชรแทนที่จะเป็นสีดำธรรมดาๆ ทำให้ตัวถังรถสามารถสะท้อนประกายเพชรระยิบระยับเมื่อสะท้อนกับแสง ผ่านไปไหนต้องเข้าตาจนถึงกับเหลียวมอง ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ความจุ 4.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 1,004 แรงม้า
++++++++++
อันดับที่ 7 Pagani Huayra Imola
สนนราคายังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 5.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 181 ล้านบาท)
Huayra Imola ไฮเปอร์คาร์สัญชาติอิตาลี เปิดตัวสู่สายตาชาวโลกไปเมื่อปลายปีที่แล้วและเพิ่งเปิดเผยรายระเอียดทางเทคนิคเมื่อต้นปีนี้เอง ส่งกำลังมาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.2 ลิตร ทวินเทอร์โบ จาก Mercedes-AMG ให้กำลังสูงสุด 827 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,100 นิวตันเมตร สิ่งนี้ส่งได้ผลให้ Huayra Imola คือไฮเปอร์คาร์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ Pagani เคยมีมา
ภายนอกโดดเด่นไปด้วยปีกหลังขนาดใหญ่ ช่องดักลมบนหลังคา แชสซีส์โมโนค็อกเสริมแข็งแกร่งด้วยวัสดุพิเศษในส่วนของโครงสร้างด้วยการเพิ่มวัสดุพิเศษ Carbo-Titanium และ Carbo-Triax แถมในส่วนของช่วงล่างยังได้รับการปรับปรุงมีสมรรถภาพที่สูงขึ้นด้วย และผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 5 คันเท่านั้น ยางรถจะใช้ Pirelli Trofeo R 265/30 ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษพร้อมล้อหน้าขนาด 20 นิ้ว ส่วนล้อหลังของ Pagani Imola จะมีขนาดใหญ่กว่าที่ 21 นิ้ว ระบบเบรก เซรามิกคาร์บอน Brembo ที่มีดิสก์ 398 มม. และคาลิปเปอร์แบบลูกสูบหกลูกสูบขึ้นด้านหน้า และดิสก์ 380 มม. สี่ลูกสูบที่ด้านหลัง
++++++++++
อันดับที่ 6 Bugatti Divo
สนนราคายังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 5.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 192 ล้านบาท)
ต้องบอกก่อนเลยว่าเจ้า Bugatti Divo ถือเป็นรถยนต์ที่มีดีไซน์สวยที่สุดตั้งแต่หัวจรดท้าย มาพร้อมกับความพิเศษจัดเต็มมากกว่า Criron ที่ใช้เป็นต้นแบบด้วยการออกแบบที่เน้นการผ่านลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งสามารถสร้างแรงกดอากาศได้มากกว่า มีที่ครอบฝาเครื่องยนต์ที่ก็ดูพิเศษไปอีก สปอยเลอร์หลังกว้างกว่า และมีน้ำหนักเบากว่า Criron หลายด้านเลย ณ ตอนนี้ขายหมดครบทั้ง 40 คันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Bugatti Divo คันสุดท้ายที่ถูกซื้อไปโดยเศรษฐีชาวยุโรป โดยสั่งทำสีพิเศษ Bugatti EB 110 LM Blue โดยมี Blue Carbon เป็นอ็อพชั่นเสริม พร้อมตกแต่งด้วยกราฟฟิค French Racing Blue ส่วนภายในเลือกใช้ห้องโดยสารสีน้ำเงิน ตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ตามจุดต่างๆ พร้อมเบาะนั่งสี Deep Blue
ขุมพลังยังคงเป็นเครื่องยนต์ W16 ความจุ 8.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ให้กำลังสูงสุด 1,500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 2.4 วินาที และความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 380 กม./ชม.
++++++++++
อันดับที่ 5 Mercedes-Maybach Exelero
สนนราคายังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 255 ล้านบาท)
Maybach Exelero เปิดตัวคร้งแรกในปี 2004 ในรูปแบบ one-off หรือมีอยู่คันเดียวในโลก โดยรถคันนี้เป็นโปรเจ็กต์ที่ Mercedes-Maybach และ Fulda บริษัทยางในเครือ Goodyear ในเยอรมันร่วมกันพัฒนาเพื่อแสดงถึงความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ขับเคลื่อนความหรูด้วยเครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 690 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,020 นิวตันเมตร และท็อปสปีด 350 กม.ต่อ/ชั่วโมง
ความพิเศษของ MayBach Exelero นั้นคือ มันมีเพียงคันเดียวในโลก ที่มาของรถหรูสุดแพงคันนี้มาจาก Fulda Tire บริษัทผลิตยางรถยนต์คุณภาพสูงในประเทศเยอรมนี ต้องการรถยนต์คันใหม่เพื่อใช้ทดสอบสมรรถนะของยางรถยนต์รุ่นใหม่ ดังนั้น เดมเลอร์ (Daimler) บริษัทต้นสังกัดจึงผลิตรถคันดังกล่าวออกมาในปี 2005 โดยการออกแบบรถยนต์คันนี้ได้ทำการจัดประกวดระหว่างนักเรียนออกแบบยานยนต์ในประเทศเยอรมนี และได้ผู้ชนะเข้าไปร่วมงานเพื่อสร้างเอ็กซ์เซเลโร่ขึ้นมา
หลังจากที่ Fulda Tire เลิกใช้รถคันนี้แล้ว ก็ได้ทำการขายให้กับนักธุรกิจอัญมณีที่ชื่อ อังเดร แจ๊คสัน ในราคา 7.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งช่วงนี้เองที่แจ๊คสันได้ให้เจย์-ซี แร็ปเปอร์ชื่อดังนำเอ็กเซเลโร่ไปประกอบฉากในมิวสิกวิดีโอ เพลง Lost one ก่อนที่จะขายให้กับเจ้าของปัจจุบัน ไบรอัน วิลเลี่ยม หรือ เบิร์ดแมน แร็ปเปอร์ชื่อดังอีกคนหนึ่งด้วยราคา 8 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 240 ล้านบาท ในปี 2011 มันจึงเป็นรถยนต์ที่ซื้อขายโดยไม่ผ่านการประมูลที่มีราคาสูงที่สุดตอนนี้
++++++++++
อันดับที่ 4 Bugatti Centodieci
สนนราคายังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 298 ล้านบาท)
Centodieci รถใหม่ของนักเตะแข้งทองอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์คาร์รุ่นลิมิเต็ดที่มีแค่ 10 คันในโลก เผยให้เห็นรูปลักษณ์ของรถระดับอัลตร้าแรร์ ที่ถูกสร้างขึ้นแสดงความเคารพต่อซุเปอร์คาร์ระดับไอคอนในยุค 90 อย่าง Bugatti EB110 SS
ดีไซน์ได้ต้นแบบมาจากรุ่น Bugatti Chiron แล้วนำมาพัฒนาต่อยอดใส่ลูกเล่นของ Bugatti EB110 SS เข้าไป ทั้งกระจังหน้า ช่องดักอากาศ การเจาะรูบนแผงด้านข้าง ไฟท้ายแบบ 3 มิติ รวมถึงบานกระจกที่โอบล้อมห้องโดยสารที่มีลักษณะคล้ายเกือกม้า ดูทันสมัยเหมาะสมกับราคา รถรุ่นนี้มีน้ำหนักเบากว่ารถที่ใช้เป็นพื้นฐานอย่าง Chiron ถึง 20 กิโลกรัม อีกทั้งยังมีพละกำลังเพิ่มมากกว่าถึง 100 แรงม้า เป็น 1,600 แรงม้าด้วย
++++++++++
อันดับที่ 3 Rolls-Royce Sweptail
สนนราคายังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 407 ล้านบาท)
สุดยอดอภิมหายานยนต์ที่ได้สั่งทำพิเศษแบบ 2 ประตู 2 ที่นั่ง สำหรับ Rolls-Royce ที่ใช้เวลาพัฒนามากกว่า 4 ปีคันนี้คือเจ้าของตำแหน่งรถยนต์ที่มีราคาแพงที่สุดในปี 2017 มาพร้อมการออกแบบที่บรรจงปราณีตเป็นพิเศษทุกกระเบียดนิ้วของตัวรถ ภายในเรียบหรูคล้ายกับนั่งอยู่ในเรือยอชต์ และขับเคลื่อนความแพงนี้ด้วยเครื่องยนต์ V12 ความจุ6.7 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 459 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
แม้จะเป็นรถยนต์ที่ออกแบบใหม่ตามใจมหาเศรษฐีแต่ก็ยังคงมีเอกลักษณ์ของ โรลส์-รอยซ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าที่เน้นความบึกบึนแข็งแกร่ง ด้วยกระจังหน้าอลูมิเนียมงามขัดงานแบบพิเศษสง่าสไตล์ โรลส์-รอยซ์ ความบึกบึนรอบคันความหรูหราทุกซอกทุกมุม ในส่วนท้ายรถนำเสนอดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการล่องเรือยอชท์ ที่เสาะหารูปทรงที่ชื่นชอบมาอย่างพิถีพิถัน
ภายในหรูหราสมฐานะของแบรนด์ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่เป็นที่สุดในทุกๆรูขุมขน ถูกออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด เน้นความหรูหรา และทันสมัย เรียบแต่แพง ด้วยวัสดุชั้นดี สำหรับ Rolls-Royce Sweptail จะติดตั้งเบาะคู่หน้า 2 ตำแหน่งเท่านั้น ขณะที่เบาะคู่หลังถูกถอดออกไป ดูคล้ายกับห้องจิบแชมเปญในเรือสำราญส่วนตัว ตกแต่งด้วยไม้เนื้อดี โค้งมนกลมกลืน ตรงกลางติดตั้งช่องแช่เย็นสำหรับขวด Champagne โดยจะยกตัวขึ้นมาในมุมที่ผู้โดยสารสามารถหยิบได้สะดวก พร้อมแก้วทรงยาวอีก 2 ใบ
++++++++++
อันดับที่ 2 Bugatti La Voiture Noire
สนนราคายังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 598 ล้านบาท)
แชมป์เก่าปี 2020 ตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 2 ปีนี้ แต่ด้วยราคา 18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ก็น่าจะ 1 ใน 3 ไปอีกหลายปีแน่นอน กับความแพงและความหรูเกินต้านของแบรนด์นี้ ที่ติดอันดับอยู่หลายรุ่นด้วยกัน
Bugatti ระบุว่า La Voiture Noir เป็นภาษาฝรั่งเศสที่มีหมายความว่า “รถยนต์สีดำ” ตัวรถถูกสร้างขึ้นมาจากพื้นฐานของ Chiron ซึ่งมีการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถคลาสสิคระดับตำนานอย่าง Type 57SC Atlantic มาพร้อมตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ทำด้วยมือ อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยแถบไฟเบรก LED ซึ่งถูกดีไซน์มาเต็มความกว้างของบั้นท้าย มีท่อไอเสียมาให้ถึง 6 ท่อ ขณะที่กระจังหน้าเกือกม้าถูกออกแบบให้มีความเด่นชัดมากขึ้นกว่าเดิม เช่นเดียวกับไฟหน้า LED ทรงเพรียวบางที่อยู่เหนือซุ้มล้อหน้า และส่งพลังเครื่องยนต์ W16 ความจุ 8.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 1,500 แรงม้า
++++++++++
อันดับที่ 1 Rolls-Royce Boat Tail
สนนราคายังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 28 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 890 ล้านบาท)
Rolls-Royce คืนบัลลังก์รถที่มีราคาแพงที่สุดในโลกกับ Boat Tail ยนตรกรรมสั่งทำพิเศษที่มาพร้อมการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือยอร์ชระดับ J Class
Rolls-Royce Boat Tail ผลิตออกมาเพียง 3 คัน สำหรับลูกค้า 3 รายเท่านั้น นับเป็นยนตรกรรมที่ควรค่าแก่โอกาสพิเศษ และเพื่อโอกาสพิเศษอย่างแท้จริง มีข่าวลือว่าหนึ่งในผู้ที่สั่งทำคือแม่บียอนเซ่ (Beyoncé) และสามีของเธอ เจย์-ซี (Jay-Z)
ภายนอกตกแต่งไม่ซ้ำใครในแบบทูโทน มีไฟหน้าที่เป็นแบบเส้นหนาแนวนอน ส่วนท้ายรถใช้แผงไม้วีเนียร์ตกแต่งภายนอก และมาพร้อมตู้แช่เย็นสำหรับแชมเปญ ร่มกันแดดแบบบิ้วอิน โต๊ะด้านหลังตกแต่งด้วยไม้ Caleidolegno และเก้าอี้บาร์สูงที่ทำจากเส้นใยไฟเบอร์
ภายในห้องโดยสารตกแต่งพิเศษระดับไฮเอนด์ ผสมผสานกับการใช้ไม้ตกแต่งบริเวณช่วงล่างและพื้นของภายห้องโดยสารทั้งหมด ชวนให้นึกถึงโครงของลำเรือ พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุสีวิบวับ ไม้ Caleidolegno และนาฬิกา BOVET 1822 หนึ่งเรือนบนแผงหน้าปัด เสริมความหรูหรา เหมือนอยู่บนเรือยอร์ชกลางทะเล
สำหรับรถที่ยังครองอันดับความพุ่งแรงของราคานั้น จะเห็นได้ว่า ยังคงเป็นของค่าย Bugatti เจ้าเดิมที่ติดอันดับ 1 ใน 10 มากที่สุด แต่แล้วก็ต้องสละบัลลังก์อันดับแรกให้กับ Rolls – Royce ไปก่อนปีนี้ เพราะของเค้าพิเศษจริง ครีเอทจริง มาครั้งนี้ เอาเรือมาวิ่งบนถนนได้แล้ว ในอนาคตข้างหน้า เราจะได้เห็นอะไรที่จะมาเป็นของเล่นเศรษฐีระดับโลกกันอีก Car2Day จะมานำเสนอให้ชมแน่นอน