หลังจากเปิดตัวทั้งในอเมริกากับเครื่องเบนซินล้วน และ ญี่ปุ่นกับพลังเสียบปลั๊กพวงมาลัยขวาที่แรกของโลกไปแล้วสำหรับ Mitsubishi Outlander เจน 4
และครั้งนี้ออสเตรเลียก็เปิดตัวเสียทีกับเวอร์ชั่นเครื่องเบนซินล้วนพวงมาลัยขวาที่แรกของโลกเช่นกันด้วยหน้าตาแทบไม่ต่างจากสเปกอเมริกาและญี่ปุ่นด้วย สไตล์ Dynamic Shield เสริมกับไฟหน้า และ ไฟ Daytime แบบ LED ทรงเล็กรับกับกันชนหน้าแบบสปอร์ตเสริมคิ้วชายล่างสีเงิน พร้อมไฟหรี่ ไฟสูง ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ยาวจรดด้านท้ายกับแนวของโคมไฟหลัง LED แนวนอนเรียวเล็ก และเสา D ขนาดใหญ่ ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 20 นิ้วพร้อมยางขนาด 255 /45R20 และขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 235/60R18
ภายในมีทั้งแบบ 5 กับ 7 ที่นั่ง พร้อมออพชั่นที่เหมือนกับสเปกอื่นๆจากญี่ปุ่นและอเมริกาทั้ง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 4 ก้าน มาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว จอสัมผัสตรงกลางขนาดใหญ่ 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Android Auto และ wireless Apple CarPlay ถัดลงมาเป็นช่องแอร์แนวยาว กับเครื่องปรับอากาศแยกโซน 3 ส่วน จอแสดงข้อมูลเหนือคอนโซลหน้า full-color Head-Up Display (HUD) ขนาด 10.8 นิ้ว กับลำโพงคุณภาพ 10 จุด จาก Bose และเบาะหลังตอน 2 พับได้แบบ 40:20:40 และตอน 3 พับได้แบบ 50:50 การตกแต่งภายในแบบวัสดุอลูมิเนียมรวมถึงเบาะหนังคุณภาพ การเก็บเสียงที่เงียบขึ้นกว่ารุ่นเดิม
ออสเตรเลียจำหน่ายเพียงขนาดเดียวกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร รหัส PR25DD 184 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 245 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super All-Wheel Control 4WD ที่มีโหมดการขับเคลื่อน มากถึง 6 โหมด ได้แก่ Eco, Normal, Tarmac, Gravel, Snow, Mud และยังมีรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อให้เลือก ความปลอดภัยครบครันทั้ง ถุงลมนิรภัย 11 จุด กับ ระบบ MI-PILOT Assist ประกอบด้วย ระบบล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติ integrates Adaptive Cruise Control (ACC) กับระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keep Assist (LKA)
Mitsubishi Outlander ที่จำหน่ายที่ออสเตรเลียมีทั้งหมด 8 รุ่นย่อยตั้งแต่รุ่นถูก ES, LS, ASPIRE, EXCEED และ EXCEED TOURER เริ่ม $40,490 – $53,490 หรือราว 1,005,000 – 1,328,000 บาท (ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย)
ที่มา Carwatch
