หลังจากที่ได้ชมตัวจริง ORA Good Cat กันแล้วแต่ว่าราคาจำหน่ายจะเริ่มต้นท่าไหร่และจะถูกใจทาสแมวมากน้อยแค่ไหน
ล่าสุด เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ประกาศราคาจำหน่าย ORA Good Cat อย่างเป็นทางการ โดยมีด้วยกันถึง 3 รุ่นย่อย ในราคาดังนี้
– รุ่น 400 TECH ราคา 989,000 บาท
– รุ่น 400 PRO ราคา 1,059,000 บาท
– รุ่น 500 ULTRA ราคา 1,199,000 บาท
หน้าตาเหมือนแบรนด์รถยุโรปชั้นดีกับตรา ORA ขนาดใหญ่ รับกับกระจังหน้าดีไซน์สุดคลาสสิกพร้อมระบบ Active Air Intake กันชนหน้าทั้งชิ้นแบบกลมกลืนพร้อมไฟหน้า LED ทรงตาแมวพร้อม Daytime Running Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ล้ออัลลอยมีให้เลือกถึง 2 ขนาดตั้งแต่ 17 นิ้วพร้อมยาง 205/55R17 และ ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 215/50R18 ไฟท้ายแนวยาว LED ครอบทับกระจกหลังช่วยให้มองเห็นชัดเจนขึ้น กับท้ายรถที่เรียบง่ายและสปอยเลอร์หลังดีไซน์เก๋ไก๋ และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ในรุ่น PRO และ UlTRA ตัวรถมีขนาดใหญ่โตออกแบบมาอย่างลงตัวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ ในมิติตัวรถความยาว 4,235 มม. ความกว้าง 1,825 มม. ความสูง 1,596 มม. ระยะฐานล้อ 2,650 มม.และความสูงใต้ท้องรถ 145 มม. จากแพลตฟอร์ม ซึ่ง GWM LEMON E PLATFORM
ภายในหรูสง่าภายใต้แนวคิด “Intelligent Cockpit with Exquisite Craftsmanship” ด้วยหน้าจอ Interactive Double Screen หน้าจอพาดยาวบริเวณคอนโซลของตัวรถมีขนาด 17.25 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูง แบ่งออกเป็น หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิตอล (Full TFT) ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอระบบมัลติมิเดียพร้อมระบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน ฟังเพลง วิดีโอ รองรับ Apple CarPlay และ Siri รองรับ Android Auto และ Google Assistant ระบบนำทาง รองรับแอปพลิเคชั่นเพลง เช่น JOOX พร้อมลำโพง 6 จุด พร้อมวัสดุภายในห้องโดยสารให้สัมผัสที่สบาย โดยใช้วัสดุที่มีคุณภาพในการตกแต่งภายในด้วยดีไซน์ที่สวยงาม เบาะนั่งปรับด้วยระบบไฟพร้อม Welcome Seat ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้า-ออกจากรถได้อย่างง่ายดายและระบบเบาะนวดไฟฟ้า เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะหลังสามารถพับลงได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุดถึง 858 ลิตร ระบบ Cockpit Cleaning System พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 ช่วยเปิดการไหลเวียนของอากาศจากภายนอกเพื่อระบายอากาศและช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร และออพชั่นให้ความสบายๆทั้ง เกียร์อัตโนมัติลูกบิดระบบ Electronic Shifter ระบบชาร์จไร้สาย (Wireless Charging) และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 2 ก้าน และฟังก์ชั่นอัจฉริยะ (Intelligent Functions) มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ เช่น ระบบความบันเทิงในรถยนต์ ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ และเทคโนโลยีสำหรับการขับขี่อันล้ำสมัย การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) การตอบโต้ด้วยเสียงอัจฉริยะผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) การสั่งการและควบคุมรถจากระยะไกล พร้อมฟังก์ชั่นอื่นๆทั้ง ฟังก์ชันการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่รถไฟฟ้า ฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล ฟังก์ชันด้านความปลอดภัย ที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล เช่น การแสดงตำแหน่งรถยนต์ การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ และการแสดงผลการตั้งค่าต่างๆ ของรถ เป็นต้น
สเปกไทยมีขุมพลังไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้าแรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 152 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 47.788 kWh มีระยะทางวิ่งสูงสุด 400 กิโลเมตร ในรุ่น TECH และ PRO และแบตเตอรี่ชนิดลิเธียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กิโลเมตร ในรุ่น ULTRA รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 60 kW และการชาร์จไฟบ้านแบบ AC 6.6 kW โดยระยะเวลาในการชาร์จ ชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (0% – 80%) 45 นาที สำหรับรุ่น TECH และ PRO และ 60 นาที สำหรับรุ่น ULTRA โดยอัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที พร้อมระบบขับขี่ทั้งหมด 5 แบบ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับได้เองตามปริมาณแบตเตอรี่ที่คงเหลือได้แก่ 1) มาตรฐาน 2) Sport 3) ECO 4) ECO+ และ 5) อัตโนมัติ
แบตเตอรี่มีความสามารถในการป้องกันมาตรฐาน IPX9K และ IP67 ซึ่งสามารถป้องกันน้ำ การกัดกร่อน การชน อัคคีภัย และการกระแทกได้ โดยเมื่อเกิดการกระแทกระบบไฟฟ้าจะตัดการทำงานภายใน 0.1 วินาที เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เซลล์แบตเตอรี่ถูกห่อหุ้มด้วยกล่องที่มีความแข็งแรงในระดับ 3 มิติ พร้อมมีการควบคุมอุณหภูมิและระบบระบายความร้อน พร้อมช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) พร้อมเหล็กกันโคลงและด้านหลังแบบทอร์ชันบีม (Torsion Beam) พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบความปลอดภัยจัดเต็มทั้ง ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย (Driver Assistance and Safety Systems) สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ L2+ ทั้ง ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety) ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICA) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) การเบรกฉุกเฉินความเร็วต่ำ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) การเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent Turn) ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM)
ระบบความปลอดภัยเชิงแก้ไข (Passive Safety) ทั้ง โครงสร้างตัวถัง ทำจากเหล็กกล้า IronBone™ สามารถดูดซับและลดแรงกระแทกเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลักถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง และระบบโทรหาเบอร์ฉุกเฉิน
ORA Good Cat ทั้ง 3 รุ่นย่อยมาพร้อมสีภายนอกทั้งหมด 9 สี ดังนี้
– รุ่น 400 TECH มีทั้ง สีดำ (Sun Black),สีขาว (Hamilton White) ส่วนสีรถภายใน : สีดำ (เบาะผ้า)
– รุ่น 400 PRO มีทั้ง สีแดงหลังคาสีดำ (Mars Red with Black Roof), สีขาวหลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof), สีฟ้า (Coral Blue), สีดำ (Sun Black), สีขาว (Hamilton White) ส่วนสีรถภายใน : สีดำ (เบาะหนัง)
– รุ่น 500 ULTRA มีทั้ง สีเขียวพร้อมหลังคาสีขาว (Verdant Green with Hamilton White Roof), สีเบจพร้อมหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige with Wisdom Brown Roof), สีแดงพร้อมหลังคาสีดำ (Mars Red with Black Roof), สีขาวพร้อมหลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof), สีฟ้า (Coral Blue), สีดำ (Sun Black), สีขาว (Hamilton White) ส่วนสีรถภายใน : 3 สี ได้แก่ สีดำ (เบาะหนัง) สำหรับทุกตัวเลือกสีรถภายนอกตัวรถสีเขียวพร้อมหลังคาสีขาว (Verdant Green & Hamilton White), ภายในสีเขียว/เทา (เบาะหนัง) รถสีเบจพร้อมหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige & Wisdom Brown) และภายในสีเบจ/น้ำตาล (เบาะหนัง)