More

    หลุดเต็มตา! Toyota Prius เก๋งรักษ์โลกที่ไม่มีวันเข้าขายไทย

    ตลอด 25 ปี ที่ Toyota Prius รถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกของค่ายได้ถือกำเนิดขึ้นกลายเป็นรถยนต์ Liftback ที่มียอดขายสูงสุดทั้งในญี่ปุ่นและอเมริกา

    Toyota
    ลิขสิทธิ์ภาพ Car2Day

    ผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึง 4 เจนเนอเรชันด้วยกัน สำหรับเมืองไทยเป็นที่รู้จักกันมากตั้งแต่การมาโชว์เฉยๆในเจนเนอเรชันแรกจนถึงเจเนอเรชันสอง ขายจริงกับเจนเนอเรชันสามและยุติการขายไปในที่สุด ส่วนตลาดโลกยังขายต่อไปถึงเจเนอเรชันสี่ และล่าสุดทางทีมงาน Car2Day ได้บังเอิญไปพบ Toyota Prius เจเนอเรชันที่สี่ วิ่งทดสอบในเมืองไทยแบบไม่พรางตัวติดป้าย TC เห็นกันจะๆทั้งคัน

    Toyota
    ลิขสิทธิ์ภาพ Car2Day

    สำหรับ Toyota Prius เจเนอเรชันที่สี่ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 โดยคันที่เห็นในภาพเป็นรุ่นก่อนปรับโฉมซึ่งตามตลาดโลกนั้นมีการปรับโฉมไปแล้วตั้งแต่ปี 2018 จุดสังเกตของรุ่นก่อนปรับโฉมคันสีเขียวมะนาวนั้น ไฟท้าย LED ห้อยยาวลงมาถึงกันชนท้าย ส่วนด้านหน้ารถรุ่นก่อนปรับโฉมจะเป็นแบบ กระจังหน้าขนาดพอดีดีไซน์แบบมีรอยยิ้ม ไฟหน้า LED ดีไซน์เป็นแบบเลข 7 กันชนหน้าหลังแบบสปอร์ตโดยด้านหน้ามีไฟตัดหมอกมาให้ ในขณะที่รุ่นปรับโฉมปรับทั้งด้านหน้าและท้าย ด้านหน้าดีไซน์หน้ายิ้มให้ต่างกันนิดหน่อยในส่วนของกระจังหน้า ไฟหน้า Bi-Beam LED โคมใหม่ รับกับกันชนหน้าใหม่ที่ไฟตัดหมอกหน้ามาแบบทรงกลม ไฟท้าย LED ไม่มีหางอีกต่อไปรับกับกันชนหลังใหม่ที่ดูดีกว่าเดิม ล้อและยางมีกันถึงสองขนาดตั้งแต่ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 195/65R15 แบบฝาครอบล้อ กับอัลลอยขนาดใหญ่ 17 นิ้วพร้อมยาง 215/45 R17 บนพื้นฐาน TNGA หรือ Toyota New Global Architecture

    Toyota Toyota

    ภายในถ้าเป็นรุ่นก่อนปรับโฉมและรุ่นปรับโฉมแผงคอนโซลหน้าดีไซน์เดียวกันแต่จุดสังเกตตรงที่รุ่นปรับโฉมจะใช้จอสัมผัสขนาดใหญ่แบบแนวตั้ง 11.6 นิ้ว แถมช่องแอร์ออกแบบเป็นแนวตั้งชิดกับจอสัมผัสขนาดใหญ่ แต่ก็ยังมีคอนโซลกลางติดตั้งแบบจอสัมผัสมาตรฐานแนวนอนทั้งแบบ 7,8 และ 9 นิ้วมาให้แบบเดียวกับรุ่นก่อนปรับโฉม พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน ภายในโทนห้องโดยสารเข้มแบบสีดำ มาตรวัดดิจิทัลพร้อมจอแสดงข้อมูล TFT 4.2 นิ้ว และลำโพงคุณภาพจาก JBL

    ขุมพลังมีให้เลือกทั้งแบบ Hybrid กับ เบนซิน Hybrid ขนาด 1.8 ลิตร 2ZR-FXE 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้ารุ่น 1NM 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร และรุ่น 1NM 7.2 แรงม้า แรงบิด 55 นิวตันเมตร ทำให้ได้แรงม้ารวมถึง 122 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับหน้า และแบตเตอรี่ แบบ Nickle – Metal (NiMH) เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four

    ส่วนรุ่น Plug In Hybird PHEV ยังคงใช้เบนซินรหัสเดียวกับรุ่น Hybrid แรงม้าเท่ากัน แรงบิดเท่ากัน มอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ารุ่นเดียวกันให้กำลังรวมเท่ากันแต่สิ่งที่ต่างไปคือมีมอเตอร์หลังรุ่น 1SM 31 แรงม้า แรงบิด 40 นิวตันเมตร พร้อมความจุแบตเตอรี่ 8.8 kWh ใช้เวลาชาร์จไฟฟ้า 3 ชั่วโมง AC และใช้เวลาชาร์จเร็วเพียง 2 ชั่วโมง DC ชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งไกลสุด 50 กม.และความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้า 135 กม./ชม.พร้อม โหมดการทำงานให้เลือกทั้ง HV Mode ,EV Mode ,EV City Mode และ Battery Charge Mode ใช้ในการชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ และมีโหมดขับขี่สามโหมดคือ Eco ,Normal และ Power เสริมออปชันเด่นด้วยแผงโซลาร์เซลล์ที่หลังคารถสามารถชาร์จไฟได้ในขณะจอดรถ และนำมาใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์เช่น กระจกไฟฟ้า,ไฟหน้า หรือเครื่องปรับอากาศในขณะที่รถวิ่ง

    Toyota

    ความปลอดภัยมาครบด้วย Toyota Safety Sense ทั้งระบบความปลอดภัยก่อนการชน (PRE-COLLISION SYSTEM)เตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (LANE DEPARTURE ALERT), ควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (RADAR CRUISE CONTROL) , ควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AUTOMATIC HIGH BEAMS), กล้องมองภาพถอยหลังพร้อม Back Guide Monitor, ช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert), ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-start Assist Control) และช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor)

    Toyotaปัจจุบัน Toyota Prius รหัสตัวถัง XW50 จำหน่ายต่อไปในต่างประเทศแต่มีโอกาสจะกลับมาในไทยอีกหรือไม่คำตอบเดียวคือไม่มีการกลับมาขายอย่างแน่นอน

    ลิขสิทธิ์ภาพ Car2Day

    ที่มา Carwatch

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts