จบเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับงาน Bangkok Motor Show 2023 มียอดจองรถภายในงานรวมทั้งสิ้น 45,983 คัน เพิ่มขึ้น 35% จากปีที่ผ่านมา
โดยแบ่งออกเป็นยอดจองรถยนต์อยู่ที่ 42,885 คัน เติบโตขึ้น 34.45% โดยสามารถแยกประเภทออกมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า(Electric Vehicle หรือ EV) อยู่ที่ 9,234 คัน คิดเป็น 21.53% และ และรถสันดาป 33,651 คัน คิดเป็น 78.47% จากยอดจองรถยนต์ภายในงานครั้งนี้ (ตัวเลขปีที่ผ่านมารวมทั้งสิ้น 33,936 คัน เพิ่มขึ้น 13.6 % นั้นถ้าแบ่งในส่วนของรถยนต์มีปริมาณอยู่ที่ 31,896 คัน ประมาณ 14.4 %) ซึ่งค่ายรถที่ทำยอดจองสูงสุดภายในงาน ได้แก่
อันดับ 1 Toyota ยอดจองรวม 6,042 คัน
อันดับ 2 Honda ยอดจองรวม 4,304 คัน
อันดับ 3 MG ยอดจองรวม 3,929 คัน
อันดับ 4 SUZUKI ยอดจองรวม 3,887 คัน
อันดับ 5 GWM ยอดจองรวม 3,117 คัน
อันดับ 6 ISUZU ยอดจองรวม 3,064 คัน
อันดับ 7 Mazda ยอดจองรวม 2,989 คัน
อันดัน 8 Nissan ยอดจองรวม 2,808 คัน
อันดับ 9 BYD ยอดจองรวม 2,737 คัน
อันดับ 10 FORD ยอดจองรวม 1,630 คัน
อันดับ 11 Mercedes-Benz ยอดจองรวม 1,580 คัน
อันดับ 12 NETA ยอดจองรวม 1,300 คัน
อันดับ 13 Mitsubishi ยอดจองรวม 1,208 คัน
อันดับ 14 BMW ยอดจองรวม 1,100 คัน
อันดับ 15 Hyundai ยอดจองรวม 1,048 คัน
อันดับ 16 Volvo ยอดจองรวม 349 คัน
อันดับ 17 Audi ยอดจองรวม 272 คัน
อันดับ 18 Porsche ยอดจองรวม 242 คัน
อันดับ 19 Subaru ยอดจองรวม 239 คัน
อันดับ 20 MINI ยอดจองรวม 165 คัน
ส่วนสำคัญมาจากการที่ผู้ประกอบการมีการนำรถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งมีทั้งแบบไมเนอร์เชนจ์ และ โมเดลเชนจ์ รวมไปจนถึงรถไฟฟ้า เข้ามาจัดแสดงเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ในงานรวมกันมากกว่า 50 รุ่น ซึ่งเป็นตัวช่วยกระตุ้นผู้เข้าชมให้มางานได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและคนเริ่มมีความมั่นใจในการจับจ่ายมากยิ่งขึ้น
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะรองประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมายังคงได้รับความเชื่อมั่นเป็นอย่างดีจากบริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ ในการเข้าร่วมงานเพื่อจัดแสดงเทคโนโลยียานยนต์ไปจนถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ พร้อมทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลในการสร้างบูธและจัดแสดงโชว์สุดอลังการมาโดยตลอด
แต่อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คงไม่ใช่แค่เพียงความสำเร็จของคณะผู้จัดงานเท่านั้น แต่นับเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากแรงสนับสนุนของคนไทยที่มีส่วนส่งเสริมให้ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์และประเทศไทยเป็นที่รู้จักว่าคนไทยสามารถทำได้ไม่แพ้ต่างชาติ ซึ่งเป็นการยืนยันให้เห็นได้ถึงการเป็นงานแสดงรถยนต์อันดับหนึ่งของเมืองไทยและเป็นหนึ่งในอาเซียน เทียบชั้นกับงานแสดงรถยนต์ระดับโลกได้อย่างแท้จริง
ขณะที่มาตรการต่าง ๆ ของกระทรวงสาธารณะสุขในเรื่อง โควิด-19 มีการผ่อนคลายลง ประกอบกับประชาชนได้รับวัคซีนทั่วถึง ทำให้สามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ ส่งผลให้บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก และได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมาก จากการรวบรวมตัวเลขผู้เข้าชมงานในปีนี้อยู่ที่ 1,620,459 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา