หลังนำร่องโชว์ตัวต้นแบบ Honda SUV e:Prototype เอสยูวีไฟฟ้าไปเมื่อปีกลายก็กลายเป็นจุดสนใจสำหรับสาวกรถไฟฟ้าที่รอคอย
และหลังจากที่มีภาพของเอสยูวีไฟฟ้าค่าย Honda วิ่งพรางตัวทดสอบในไทยจนมั่นใจว่านี่คือรุ่นแรกของค่าย Honda ไทย ที่จะเปิดตัวและขายจริงภายในปีนี้ นั่นก็คือ Honda e:NS1 หรือ Honda e:NY1 ที่จะจำหน่ายในยุโรปช่วงปี 2023 รูปร่างหล่อทุกกระเบียดนิ้วจากพื้นฐาน Honda HR-V เจเนอเรชันใหม่
ถูกเปลี่ยนดีไซน์ด้านหน้าให้ดูรักษ์โลกมากขึ้น ด้วยกระจังหน้าแบบปิดสนิทพร้อมช่องชาร์จเเละกันชนหน้าใหม่ ไฟหน้า Full LED โคมเล็กลงฝังด้วยไฟหน้า Daytime LED ด้านท้ายจะมีไฮไลท์อยู่ที่การเปลี่ยนตรา H เป็นตัวอักษร “H o n d a” เพื่อเพิ่มความน่าสนใจเข้าไป ล้ออัลลอยลายเดียวกับ Honda HR-V ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/60R17 และขนาด 18 นิ้ว ลายพิเศษเข้ม พร้อมยาง 225/50 R18 ด้านท้าย ติดตั้งใต้ไฟท้าย LED แนวยาวแบบรมดำ เข้ากับกันชนหลังสีทูโทนกับตัวรถ
ภายในมีคอนโซลหน้าดีไซน์แปลกด้วยจอสัมผัส HD ขนาดใหญ่ 15.2 นิ้ว ทรงสี่เหลี่ยมที่ครอบคลุมการทำงานของฟังก์ชันรถระบบช่วยเหลือไว้ในที่เดียวทั้งระบบความบันเทิงการสื่อสารแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศทั้ง Honda SENSING 360, Honda CONNECT 3.0 พร้อมสั่งงานด้วยเสียงแบบ AI มาตรวัดดิจิตอล 10.25 นิ้วแบบ LCD และยังอัปเดตซอฟต์แวร์ OTA ผ่านระบบออนไลน์
ขุมพลังไฟฟ้ามีด้วยกันถึงสองแบบเริ่มที่รุ่นเริ่มต้น e-type ที่มีความจุแบตเตอรี่ 53.6 kWh 182 แรงม้าแรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 420 กม. ตามมาตรฐาน CLTC และรุ่นท็อปสุด e-motor มีความจุแบตเตอรี่ lithium 68.8 kWh 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 510 กม. ตามมาตรฐาน CLTC พร้อมอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 7.7 วินาที
สำหรับ Honda e:NS1 หรือ Honda e:NY1 พร้อมแล้วที่จะเปิดตัวในเมืองไทยภายในปี 2023 คาดเป็นการนำเข้าจากเมืองจีนของทาง Dongfeng Honda และหลังจากนั้น Honda พร้อมที่จะตั้งสายการผลิตเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นนี้ที่โรงงานนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี ในอีกปีสองปีข้างหน้า แต่จะใช้ชื่อในการทำตลาดจะเป็น Honda HR-V EV หรือชื่ออื่นนั้นต้องติดตาม
และจะมีการเข้าร่วมมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจากทางกรมสรรพสามิตคาดว่าเป็นรายที่ 9 และถ้าได้เข้าร่วมโครงการนี้ก็จะเป็นค่ายรถญี่ปุ่นลำดับที่ 2 ต่อจาก Toyota ที่เข้าร่วมมาตรการฯโดยให้เงินอุดหนุนผู้ซื้อคันละ 150,000 บาท และลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2%