นับเป็นรถใหม่ส่งท้ายปี 2022 สำหรับ Land Rover Defender 130 ตำนานขาลุยเวอร์ชัน 5 ประตูช่วงยาวที่ขนความสบายเต็มพิกัดในร่างรถตรวจการณ์ทรงพลัง
หน้าตาความหล่อยังคงรักษารากเหง้าความเป็น Defender ไว้ทุกอณู โดย Land Rover Defender 130 5 ประตูช่วงยาวนำรุ่น 110 5 ประตูช่วงสั้นมาขยายความยาวตัวรถเป็น 5,358 มม. จากเดิม 5018 มม. แต่ฐานล้อเท่ากับรุ่น 110 เพียง 3,022 มม. แถมความสูงจากใต้ท้องรถ 290 มม. ร่างทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสอันเป็นเอกลักษณ์รวมถึงขยายโอเวอร์แฮงค์ด้านหลังให้ยาวตามตัวรถด้วยเช่นกัน หน้าต่างของเสา C และ D ใหญ่ขึ้นไปจนสุดทางด้านหลังของรถถึงจะขยายความยาวแต่ความโหดยังคงเดิมด้วยดีไซน์เดิมตั้งแต่ กระจังหน้าแนวนอนพร้อมโลโก้ Land Rover ไฟหน้า Premium LED พร้อมไฟ signature DRL ในโคมเดียวกัน ฝากระโปรงหน้าทรงนูนตรงกลาง พร้อมโลโก้ตัวหนังสือ Defender เพิ่มอรรถรสในการขับขี่มากขึ้น กันชนหน้าทรงดุ มีไฟตัดหมอกหน้าเข้ามาเสริมความสว่าง หลังคารถ พร้อมช่องกระจกเล็กๆ Alpine Light Window ซ้าย-ขวา ตรงส่วนหลังคา ถอดแบบตำนานคลาสสิก ไฟท้ายแนวตั้ง LED พร้อมไฟตัดหมอกหลัง กับไฟเบรกดวงที่ 3 ฝาท้ายประตูเปิดแบบบานใหญ่ด้านข้าง ติดตั้งยางอะไหล่ห้อยบนฝาท้าย ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วพร้อมยาง 255/60R20
ภายในคับคั่งด้วยออปชันทันสมัยทั้งระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบด้วยจอสัมผัส 11.4 นิ้ว Pivi-Pro เทคโนโลยีอัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติแบบ Over The Air จึงมีการอัปเดตอยู่เสมอ ลำโพงจาก Meridian ช่องเสียบชาร์จ USB-C เพื่อชาร์จอุปกรณ์ขณะเดินทางช่วยให้ผู้โดยสารแถวที่ 3 มีความสะดวกสบายมากขึ้น เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาและหลังแบบ 4 โซนหรือ Four Zone Climate Control พร้อมระบบฟอกอากาศในห้องโดยสาร (Cabin Air Purification Plus) ผสานรวมเทคโนโลยี nanoeTMX สำหรับการลดสารก่อภูมิแพ้ และการกำจัดเชื้อโรค เพื่อช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และไวรัสจำนวนมาก นอกจากนี้ระบบจัดการ CO2 และการกรองอากาศ PM2.5 ในห้องโดยสารยังช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมในห้องโดยสารให้ดีขึ้น โดยตรวจสอบอากาศภายในและภายนอก และปรับให้เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจว่าผู้โดยสารจะได้สัมผัสกับคุณภาพอากาศที่ดีที่สุดพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 4 ก้านดีไซน์จับกระชับมือ เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 12 ทิศทาง ห้องโดยสารที่เป็นสามแถวแบบ 8 ที่นั่ง เมื่อเอาเบาะพับลงไปทั้งตอน 1 ด้านคนนั่ง กับตอน 2 จะมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระมากถึง 2,291 ลิตร แต่ถ้าพับในส่วนของตอนที่ 2 แบบ 40:20:40 กับตอน 3 จะมีพื้นที่ 1,232 ลิตร และถ้าพับพื้นที่ตอน 3 อย่างเดียวจะมีพื้นที่ 389 ลิตร และยังสามารถรับน้ำหนักสูงสุด 3,893 ลิตร
Land Rover Defender 130 ทำตลาดเพียงรุ่นเดียวกับดีเซลเทอร์โบ MHEV – Mild Hybrid จับคู่กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับที่มีกำลังไฟขนาดเล็ก 48 V และแบตเตอรี่แบบ lithium-ion battery รองรับแรงบิดมากถึง 1,400 นิวตันเมตร ช่วยเสริมพละกำลังการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ ในรหัส DT306 3.0 ลิตร 300 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 650 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 6.7 วินาทีจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แบบ Terrain Response 2 มีโหมดออฟโรดเลือกได้ตามเส้นทางที่แตกต่าง ถึง 6 โหมด ทั้ง โหมดการขับขี่ทางเรียบไฮเวย์ Normal Driving, โหมดลุยน้ำ WADE, โหมดลุยในทางโขดหิน Rock Crawl, โหมดลุยทางโคลนและแอ่งโคลน MUD And Ruts, โหมดลุยทางพื้นหญ้า-กรวด-หิมะ Grass- Gravel- Snow และโหมดลุยพื้นทราย Sand พร้อมเกียร์ฝาก 4WD แบบ twin-speed transfer box และ ล็อกเฟืองท้าย Differential Controls ลุยน้ำสูงสุด 900 มม. รวมถึงการลุยทุกรูปแบบตั้งแต่มุมไต่หรือมุมเงย Approach Angle 37.5 องศา มุมจาก Departure Angle 28.5 องศา และมุมคร่อม break-over angle 27.8 องศา
พร้อมช่วงล่างถุงลมแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณสมบัติ Adaptive Dynamics มอบรัศมีวงเลี้ยวสูงสุด 430 มม. โดยจะยกตัวรถเพิ่มเติม 71.5 มม. ที่ด้านหน้า (73.5 มม. ที่ด้านหลัง) ในระดับความสูงแบบออฟโรดเพื่อให้ผ่านพ้นสิ่งกีดขวางและช่วยในการลุยทาง
Land Rover Defender 130 จำหน่ายในไทยรุ่นเดียวคือรุ่น HSE D300 MHEV 3.0 DIESEL ราคาจำหน่าย 8,999,000 บาท พร้อม Land Rover CARE นาน 5 ปี ประกอบด้วย การรับประกันคุณภาพ บริการบำรุงรักษาตามระยะ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมงจาก อินช์เคป (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย