นับตั้งแต่ Mazda 2 จำหน่ายในไทยมากว่า 14 ปี กลายเป็นรถเล็กยอดนิยมที่มียอดขายสะสมสูงมาตลอดถึงแม้จะปรับเปลี่ยนตามยุคตามสมัย
ล่าสุด Mazda 2 เจเนอเรชันที่สี่เปิดตัวรุ่นปรับโฉมอีกครั้งโดยเป็นการปรับโฉมครั้งที่สามในรอบ 10 ปีมาพร้อมแนวคิด “Express Your Identity เลือกต่างในแบบเรา” เพื่อมอบความสนุกอย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยความพิเศษของดีไซน์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์วัยรุ่นยุคใหม่เจเนอเรชั่น Z หล่อทั้งคันโดยมากันทั้งสองแบบตั้งแต่แบบ Sport Design ในรุ่น SP และ XDL ส่งผ่านความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวได้อย่างชัดเจน ด้วยกันชนหน้า พร้อมกระจังหน้าแบบ Mesh Grille ดีไซน์ใหม่ ยกระดับความสปอร์ตด้วยกระจกมองข้างและหลังคาสีดำ ที่เข้ากับความสปอร์ตของกระจังหน้าได้อย่างลงตัวและมาพร้อมกับล้อขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ พร้อมยาง นิ้วพร้อมยาง 185/60 R16
ยกระดับความสปอร์ตหรูขึ้นไปอีกขั้น ในขณะที่ภายในมอบความสปอร์ตพรีเมี่ยมด้วยเบาะหนังสีดำสลับกับผ้า Grand Luxe Suede® แบบสปอร์ตดีไซน์ใหม่ ให้ความประณีตด้วยวัสดุคุณภาพสูง พร้อมเพิ่มความสปอร์ตให้กับดีไซน์ภายในด้วยการตกแต่งสีแดงที่กรอบช่องแอร์ และเบาะนั่งเดินตะเข็บสีแดง เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มองหารถสปอร์ตที่ทั้งขับสนุกและมีเอกลักษณ์ในตัวเองอย่างชัดเจน
ส่วนแบบ New Wave Design ในรุ่น C, S, XD ให้ภาพลักษณ์สดใสมีชีวิตชีวา มีความโดดเด่นด้านการออกแบบด้วยกันชนหน้าใหม่ กระจังหน้าใหม่ และล้ออัลลอยและกระทะล้อลายใหม่ทั้งแบบ 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/65 R15 และขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 185/60 R16 ที่เน้นความสดใสแตกต่าง
พร้อมมอบความพิเศษด้วยการใช้แผงคอนโซลด้านในหลากสี ไม่ว่าจะเป็น สี Pure While สี Mirror Black และ สี Gross Light Blue ที่ถูกจับคู่กับสีภายนอกและดีไซน์ของล้อที่แตกต่างหลากหลายได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเลือกใช้ Bioplastic เป็นส่วนประกอบในการผลิตคอนโซล ที่ทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและได้วัสดุที่มีคุณภาพสูง รวมถึงการเลือกใช้ฟิล์มหลังคาที่ผลิตจากวัสดุไวนิลที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิต เมื่อเทียบกับการเคลือบสีแบบทูโทน
และรุ่นพิเศษสองรุ่นทั้งรุ่น Rookie Drive ที่เพิ่มความแตกต่างโดดเด่นกับดีไซน์ภายนอก ไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีขาว หลังคาสีขาวหรือสีดำที่ออกแบบแตกต่างตามสีภายนอก พร้อมแสดงออกถึงบุคลิกไม่ซ้ำแบบใครจากการตกแต่งด้วยสีส้ม Racing Orange บนชุดสปอยเลอร์หลัง ชุดครอบกระจกมองข้าง คิ้วตกแต่งกันชนหน้าและกันชนหลัง รวมถึงฝาครอบล้อ พร้อมชุดสติกเกอร์ตกแต่งดีไซน์พิเศษ
และอีกรุ่นกับ Clap Pop ที่เพิ่มความสปอร์ตสุดคูล กับกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ มาพร้อมกระจกมองข้างและฝาครอบล้อสีขาว Ceramic Metallic กระจังหน้าสีขาวและหลังคาสีขาว เพื่อเพิ่มความแตกต่างที่โดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมชุดสติกเกอร์ตกแต่งดีไซน์พิเศษ Clap Pop ตอบโจทย์ลูกค้ารุ่นใหม่ที่ต้องการรถที่ถ่ายทอดบุคลิกที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร
พร้อมออปชันเดิมทั้งไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LEDและปรับระดับแบบอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทางและระบบบันทึกความจำ 2 ตำแหน่ง พนักพิงเบาะด้านหลัง สามารถแยกปรับและพับแบบ 60:40 ระบบความบันเทิง Mazda Connect รองรับ Apple Carplay และ Android Auto บนจอสัมผัส 7 นิ้ว พร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
หน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว และปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน พร้อม Paddle Shift กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry) พร้อม Push Start และระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
สองขุมพลังเดิมทั้งดีเซลเทอร์โบ SKYACTIV-D รหัส S5-DPTS 1.5 ลิตร 105 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที เบนซิน SKYACTIV-G รหัส P3 1.3 ลิตร 93 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-DRIVE พร้อมโหมด Activematic ติดตั้งระบบ i stop (idling stop system) ช่วยให้ประหยัดน้ำมันอัจฉริยะ i ELOOP เปลี่ยนรูปพลังงานที่สูญเสียจากการชะลอหยุดรถกลับมาใช้ มีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ช่วยให้ควบคุมแรงบิดเครื่องยนต์เพื่อความแม่นยำในการถ่ายทอดกำลังลงล้อ ส่งผลให้การขับขี่ทางโค้งราบรื่น
ความปลอดภัย i-Activsense ครบครันทั้งระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SCBS) ในทุกรุ่นย่อย ระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง (360 View Monitor) เตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (LDWS) ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (HBC) เตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (SBS) เตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (MRCC) เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
พร้อมออปชันความปลอดภัยดั้งเดิมทั้ง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS ป้องกันล้อล็อกแยกอิสระ 4 ล้อ 4W-ABS ระบบกระจายแรงเบรก EDB และระบบช่วยเบรก BA ควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด และด้านหลัง 4 จุด กล้องมองหลัง ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS ( Traction Control System) สัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System) และไฟหน้า เปิด-ปิด อัตโนมัติ
Mazda 2 รุ่นปรับโฉมมีสีภายนอกรถชุดเดิมทั้งสีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal), สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray), สีเทา โพลีทัล เกรย์ (Polymetal Gray), สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl), สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black), สีบรอนซ์ Platinum Quartz และ สีน้ำเงิน ดีพ คริสตัล บลู (Deep Crystal Blue) พร้อมสองสีใหม่ที่จะได้สัมผัสในไทยทั้ง สีเทาเข้ม Aero Grey Metallic และ สีฟ้า Airstream Blue Metallic มาครบทั้งสองแบบทั้งซีดานและแฮทช์แบ็ก Sports โดยมีราคาจำหน่ายดังนี้
- รุ่น 1.3 C/C Sports ราคาจำหน่าย 599,000 บาท
- รุ่น 1.3 Clap Pop Sports ราคาจำหน่าย 647,000 บาท (รุ่นพิเศษ)
- รุ่น 1.3 Rookie Drive Sports ราคาจำหน่าย 662,000 บาท (รุ่นพิเศษ)
- รุ่น 1.3 S/S Sports ราคาจำหน่าย 680,000 บาท (รุ่นย่อยใหม่)
- รุ่น 1.3 SP/SP Sports ราคาจำหน่าย 730,000 บาท
- รุ่น 1.5 XD/XD Sports ราคาจำหน่าย 720,000 บาท (รุ่นย่อยใหม่)
- รุ่น 1.5 XDL/XDL Sports ราคาจำหน่าย 830,000 บาท
หมายเหตุ:
- สีขาว Snowflake White Pearl เพิ่ม 7,000 บาท
- สีเทา Machine Gray เพิ่ม 10,000 บาท
- สีแดง Soul Red Crystal เพิ่ม 12,000 บาท