หลังจากแนะนำ Mercedes-Benz G 500 V8 Final Edition อำลาพลัง V8 ผ่านรุ่นพิเศษเพียง 1,500 คันคราวนี้มาถึงคิวเอสยูวีขั้นโหดอย่าง Mercedes-AMG G 63
เปิดตัวรุ่นพิเศษเช่นกันในชื่อ Mercedes-AMG G 63 Grand Edition มาพร้อมกับตัวรถสีดำเข้ม Manufaktur night black mango คาดสีทองเข้มไว้ที่แผงการ์ดกันชนหน้าและกันชนหลัง ขอบฝาครอบยางอะไหล่ สติ๊กเกอร์ข้างประตู โลโก้ AMG และ Mercedes-AMG ทาด้วยสีทอง Kalaharigold พิเศษสุดล้ออัลลอยลายพิเศษ 7 ก้านคู่ขนาด 22 นิ้วพร้อมดุมล้อตราดาวสีดำด้านและตราดาวสีทอง พร้อมยาง 295/40R22 และดิสก์เบรก 4 ล้อ ทาสีแดงที่คาร์ลิปเปอร์สีแดง
พร้อมออปชันเดิมไฟหน้าทรงกลม MULTIBEAM LED เทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ยามค่ำคืนและปลอดภัยสูงสุด ไฟเลี้ยวเชื่อมเข้ากับตัวถัง ที่แขวนยางอะไหล่ด้านหลังพร้อมฝาปิดทำจากสแตนเลสที่มีตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz แบบ 3 มิติ
ภายในสุดเท่ด้วยโทนเข้มสีดำตัดกับสีทองเบาะหนังแท้หุ้มด้วยวัสดุหนัง Nappa สีดำ Manufaktur ตะเข็บสีทอง มือจับบริเวณคอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าหุ้มหนังปักชื่อ Grand Edition และมือจับบนเพดานหุ้มหนัง พร้อมออปชันเดิมทั้งจอดิจิทัลคู่ widescreen ขนาด 12.3 นิ้ว ที่เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียวภายในกระจกขนาดใหญ่ สามารถแสดงผลได้ 3 แบบคือ Classic, Sporty และ Progressive แสดงภาพด้วยระบบ COMAND Online บนจอแสดงผล พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน AMG Performance แบบท้ายตัดหุ้มหนัง NAPPA ตัดสลับ DINAMICA Microfibre มีขอบโค้งจับได้กระชับมือและส่วนนูนบอกตำแหน่งการจับเพื่อช่วยให้ควบคุมรถได้ง่าย
ช่องลมของเครื่องปรับอากาศทรงกลม สวิตช์ปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบช่วงล่างที่เป็นสีเงินโครเมี่ยม ชุดเบาะนั่งมีระบบจดจำการปรับตั้งค่าเบาะระบบอุ่นเบาะสำหรับทุกคนในห้องโดยสาร พนักพิงศีรษะสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า เบาะหลังสามารถพับลงได้ 3 ตอน คือ 40%, 60% และ 100% ติดตั้งระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system และไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี
เบนซินเทอร์โบคู่ Biturbo V8 4.0 ลิตร รหัส M177 585 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 850 นิวตันเมตรที่ 2,500 – 3,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.5 วินาที มีอัตราการสิ้นเปลือง 6.25 กม./ลิตร และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 363 กรัม/กม.คู่กับเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-speed Sport
มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC เน้นการกระจายกำลังไปที่ล้อคู่หลังแบบ 40:60 ช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL ที่ปรับได้ตามสไตล์การขับขี่และสภาพถนน โดยระบบจะอ้างอิงข้อมูลต่างๆ เช่นทิศทางและความเร็วของรถ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับได้ 3 โหมด คือ Comfort, Sport, และ Sport+
Mercedes-AMG G 63 Grand Edition อาจเป็นรุ่นสุดท้ายที่จะใช้พลัง V8 ก่อนจะปิดตำนานเช่นเดียวกับ Mercedes-Benz G 500 V8 Final Edition มีขายเพียง 1,000 คันหมดแล้วหมดเลยในราคา €228,896.40 หรือราว 8,809,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยแต่ถ้านำเข้ามาขายจะอยู่ที่ 29,000,000 บาท
ที่มา Mercedes-Benz