นี่อาจเป็นการทิ้งทวนครั้งสุดท้ายของ Mitsubishi Triton กระบะที่ให้ทั้งความแกร่งลุยได้ทุกอุปสรรคในเจนที่ 5 ก่อนที่เจนที่ 6 รับช่วงต่อ
โดยจะมีการเปิดตัวรุ่นพิเศษทั้งแบบจำนวนจำกัดหรือไม่จำนวนจำกัดออกมากระตุ้นตลาดให้ได้เป็นเจ้าของกันล่าสุดที่ออสเตรเลียเปิดตัว Mitsubishi Triton Xtreme งานนี้ Mitsubishi จับมือกับสำนักแต่งรถชื่อดังของแดนจิงโจ้อย่าง Walkinshaw รังสรรค์กระบะรุ่นนี้ให้โหดกว่าเดิมที่ผ่านมารุ่นนี้มีข่าวลือว่าจะเปิดตัวตั้งปีกลายจนข้อมูลหลุดมาตั้งแต่ต้นปีนี้ว่าจะมาและก็มาจริงโดยนำรุ่น GSR มาดัดแปลงเน้นหล่อตั้งแต่ชุดแถบไฟ LED ซ่อนใต้กันชนหน้าด้วยแผ่นกันกระแทกเหล็กแบบบิ๊วอินสีแดงสลักชื่อ Triton ไว้
พร้อมแถบสีดำซ้ายขวาติดขอบกันชนหน้า คิ้วขอบล้อสีดำ พร้อมล้ออัลลอยลายเข้มขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง BFGoodrich all-terrain KO2 ขนาด 265/60 R18 สปอร์ตบาร์เหล็กสีดำปักชื่อ Triton หลังคาสีดำและสติ๊กเกอร์คาดรถสีดำทั้งคัน ทั้งฝากระโปรงหน้าและด้านข้าง พร้อมออปชันเดิมทั้งกระจังหน้าสีดำกับสีเงินโครเมียมแบบ dynamic shield กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ บันไดข้างสีดำ ที่เปิดประตูกับที่เปิดกระบะท้ายและกันชนหลังล้วนตกแต่งเป็นสีดำ ไฟหน้า Projector Bi-LED พร้อมไฟ LED Daytime อยู่ในโคมเดียวกัน พร้อมไฟตัดหมอกหน้า ชุดไฟท้าย LED lighting Guide และไฟเบรก LED
ภายในเพิ่มเพลทรันนัมเบอร์การผลิตคงเดิมทั้งเบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำปรับไฟฟ้าด้านคนขับ 8 ทิศทางพร้อมระบบอุ่นเบาะ รวมถึงผิวสัมผัสหุ้มหนังสีดำเดินด้ายแดงที่ ก้านเบรกมือ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสี่ก้าน และแผงประตู หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการใช้งานแอปเปิล คาร์เพลย์และแอนดรอยด์ ออโต้ มาตรวัดเรืองแสงจอแสดงข้อมูล MID 3 มิติ เครื่องปรับอากาศธรรมดาหมุน แบบอัตโนมัติ และแบบอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา Dual Zone และกุญแจ KOS Smart Key
ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 4N15 MIVEC ทางสำนักแต่งไม่แตะต้องปรับเพิ่มกำลังด้วยขนาด 2.4 ลิตร 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบ/นาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Sport Mode พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ลุยมั่นใจด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD II พร้อม Off Road Mode แบ่งเป็นสี่โหมด ได้แก่ Gravel , Mud/ Snow , Sand และ Rock (ในตำแหน่ง 4LLc เท่านั้น) กับ ระบบเฟืองท้ายแบบ Diff-lock
งานนี้ปรับช่วงล่างให้ทรหดโหดทุกเส้นทางด้วยการปรับความสูงจากใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย จากของเดิม 220 มม. รวมถึงติดตั้งโช้คอัพแบบโมโนทิวบ์จาก Supashock ทั้งหน้าและหลัง พร้อมรีโมทปรับค่ารีบราวน์โช้คทั้งหน้าและหลังพร้อมปรับในส่วนอุปกรณ์ซับแรงกระแทกหรือ แดมเปอร์ ปรับให้มีขนาด 46 มม.และปรับค่าสปริงด้านหน้า ตอบโจทย์ถนนลุยในออสเตรเลีย
โดยตั้งราคาไว้ที่ $71,990 ไม่รวมค่า On Road หรือราว 1,629,000 บาท จำนวนจำกัดเพียง 500 คัน โดยติดตั้งอุปกรณ์แต่งทั้งคันที่ Walkinshaw Automotive ในเมือง Clayton ในรัฐวิกตอเรีย และส่งขายเข้าดีลเลอร์ Mitsubishi ออสเตรเลียตั้งแต่เดือนสิงหาคมขายจนกว่าเจนใหม่จะมาในต้นปีหน้า
ที่มา Carsales