กว่า 3 ปี ที่ Peugeot ได้กลับมาทำตลาดเมืองไทยอีกครั้งภายใต้ เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
ไม่ว่าจะ Peugeot และ JEEP จนทุกวันนี้มียอดขายโตเกินเป้า ส่งมอบลูกค้าสะสมรวม 1,618 คัน โดยในปี 2022 Peugeot ทำยอดขายได้ถึง 590 คัน เติบโตจากปีที่ 2021 ถึง 34% และมียอดขายสะสมนับตั้งแต่เริ่มกลับมาทำตลาดในเมืองไทย โดย Peugeot 3 รุ่น ทั้ง Peugeot 2008, Peugeot 3008 และ Peugeot 5008 และในปี 2023 ตั้งเป้าดันยอดขายได้กว่า 1,000 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 70%
สำหรับรถใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ เตรียมนำเข้ามาเพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค ได้แก่ Peugeot e-2008 ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% และรุ่น Peugeot 408 ปลั๊ก-อิน ไฮบริด
เริ่มที่ Peugeot e-2008 ด้วยหน้าตาคล้ายกับรุ่น 2008 มาพร้อมพลังไฟฟาล้วนด้วยความจุแบตเตอรี่ขนาด 50 kWh 136 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตันเมตรที่ 300-3,674 รอบ/นาที ทำให้รถสามารถวิ่งได้ไกลราว 310 กิโลเมตร ตามมาตรฐานของ WLTP รองรับการชาร์จเร็ว DC กระแสตรง 100 kW สามารถชาร์จจาก 15 – 80% ในเวลา 30 นาที ส่วนชาร์จช้า AC กระแสสลับ รองรับการชาร์จ 22 kW 15-80% ทำได้ 5 ชม. และ 7 kW 0-100% ทำได้ 7.30 ชม.
ส่วนอีกรุ่นนั่นคือ Peugeot 408 Plug In Hybrid ด้วยตัวรถสไตล์ liftback ยกสูง แพลตฟอร์ม EMP 2 ใช้ร่วมกับ Citroen C5 X และ Peugeot 308 III โดยมีความยาว 4,687 มม. ความกว้าง 1,848 มม. ความสูง 1,486 มม. และฐานล้อ 2,787 มม.
โดยเป็นที่แน่นอนว่าเป็นขุมพลัง Plug In Hybrid เบนซินเทอร์โบ PureTech 1.6 ลิตร EP6FDT 110 แรงม้า ที่มีสองความแรงตั้งแต่ Mid Power PHEV 180 แรงสุดเมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 180 แรงม้าแรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,650 รอบ/นาที
ส่วนรุ่น High Power PHEV 225 ทำงานร่วมกันแรงสุด 225 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,650 รอบ/นาที ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 12.4 kWh และวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าอยู่ที่ 55-61 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สามารถขาร์จช้า AC สูงสุด 3.7 kW ใช้เวลา 3.50 ชั่วโมง และ 1.55 ชั่วโมงถ้าชาร์จ AC สูงสุด 7.4 kW ซึ่งจับตาดูว่าสเปกไทยจะนำเข้า Plug In Hybrid รุ่นไหน กับหน้าตาหล่อสไตล์สิงห์เขย่งขาและภายในสไตล์ ‘i-Cockpit’
โดยทั้งสองรุ่นตอบรับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ปลุกกระแสความนิยมผู้บริโภคมาได้สักระยะที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถ โดยจะเปิดตัวให้สัมผัสก่อนใครในงาน Bangkok Motor Show 2023
ส่วนเครือข่ายการจำหน่ายและศูนย์บริการ 9 สาขา ในปีนี้มีแผนเปิดเพิ่มตามหัวเมืองใหญ่อีก 5 สาขา รวมเป็น 15 สาขาในปีนี้ คือ เชียงใหม่, ขอนแก่น, อุดรธานี, นครราชสีมา และกรุงเทพฯ พร้อมตั้งเป้าหมาย 20 สาขาภายในปี 2024
นอกจากนี้ JEEP เตรียมเผยรุ่นพิเศษ JEEP Wrangler Rubicon ที่ครบครันด้วยชุดแต่ง Mopar ลิขสิทธิ์แท้จากสหรัฐอเมริกา สะท้อนเอกลักษณ์ของรุ่นยอดนิยมดังกล่าว ซึ่งจะเผยโฉมให้ได้สัมผัสในงานเช่นกัน หลังจากปี 2022 ทำยอดจองได้ 58 คัน ส่งมอบ 46 คัน
โดย JEEP Wrangler รุ่น 4 ประตู เป็นหัวหอกในการทำตลาด และปีนี้ JEEP ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 150 คัน โตขึ้น 226% ด้านเครือข่ายการจำหน่ายจากสาขาต้นแบบที่สุขุมวิท ได้ขยายเพิ่มอีก 3 สาขา ได้แก่ พัทยา,วงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์ รวมถึงสาขานิมิตรใหม่
นอกจากนี้ยังเตรียมลุยปักหมุดในต่างจังหวัดเพิ่มอีก 5 สาขา คือ เชียงใหม่, อุดรธานี, ขอนแก่น, นครราชสีมา และอุบลราชธานี รวมกันปีนี้ 9 สาขา พื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีกำลังซื้อที่ดี พร้อมกับการเปิดโอกาสสำหรับผู้ที่สนใจจากทั่วประเทศ ได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและยั่งยืน