BMW เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการกับ BMW i5 ยนตกรรมพลังอีวีรุ่นแรกในตระกูล BMW 5 Series เจเนอเรชันที่ 8 โดยนำเข้ามาขายถึงสองรุ่นย่อย
BMW i5 รหัสตัวถัง G60 มาพร้อมความทันสมัยความสปอร์ตและความหรูหราในคันเดียวพื้นฐานมาจาก BMW 5 Series เจนใหม่ ลงตัวกว่า 5 Series เจนก่อนๆตั้งแต่กระจังหน้าทรงไตคู่พร้อมไฟ LED เรืองแสงล้อมกรอบกระจังหน้าแบบ ‘Iconic Glow’ คล้ายกับ BMW XM พร้อมไฟหน้า LED แบบ Adaptive โคมใหม่ดูดีสปอร์ตขึ้น พร้อมปรับไฟสูงอัตโนมัติแบบ Matrix High Beam พร้อมหน้าตาที่ทันสมัยและดีไซน์ใหม่หมดตั้งแต่ชุดกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตที่คล้ายๆรหัส G30 ที่เปิดประตูที่หวนกลับมาใช้แบบยกก้านแทนดึงก้านคล้าย BMW X1 และเสา C ติดตรารูปเลข 5 เพื่อบอกว่าคันนี้คือ 5 Series ไฟท้าย LED แบบเส้นคู่แต่ยังคงเป็นแบบแยกไม่แบบแนวลากยาวเหมือนรถยุคใหม่แต่ก็ให้ความโฉบเฉี่ยวกว่า
มาพร้อมกับชุดแต่งสไตล์สปอร์ตที่เติมความเข้มในสไตล์ M แบบรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นสปอยเลอร์หลังดีไซน์ M สีเดียวกับบอดี้ ในรุ่น i5 eDrive40 M Sport และสปอยเลอร์สีดำเงาแบบ high-gloss สำหรับรุ่น i5 M60 xDrive เบรกคาลิเปอร์ (สีน้ำเงินเข้ม dark blue metallic สำหรับรุ่น i5 eDrive40 M Sport และสีแดง red high-gloss สำหรับรุ่น i5 M60 xDrive) และพิเศษรุ่น i5 M60 xDrive กับชุดแต่งไฟหน้าสีดำ M Lights Shadow Line ส่วนล้อแม็กมาในสองขนาดและสองสไตล์ ได้แก่ล้ออัลลอย BMW Individual aerodynamic ขนาด 21 นิ้ว สีดำ Jet Black แบบสลับสี พร้อมยางหน้า 255/35 R 21 และยางหลัง 285/30 R 21 สำหรับรุ่น i5 M60 xDrive และล้ออัลลอย M aerodynamic ขนาด 20 นิ้ว สีเทาเข้ม Black Grey แบบสลับสีพร้อมยางหน้า 245/40R20 และยางหลัง 275/35R20 ในรุ่น i5 eDrive40 M Sport
มิติตัวรถใหญ่ขึ้นลงตัวขึ้นตั้งแต่ความยาว 5,060 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,900 มิลลิเมตร ความสูง 1,505-1,515 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,995 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 136-154 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,725-2,305 กิโลกรัม
ความสปอร์ตในสไตล์ M ยังเห็นได้เด่นชัดในห้องโดยสารด้วยพวงมาลัยหนังสไตล์ M ตกแต่งด้วย CraftedClarity ที่ทำจากแก้วคริสตัล และเบาะนั่งด้านหน้าแบบ Comfort พร้อมระบบปรับด้วยไฟฟ้า ขณะที่ระบบไฟส่องสว่างทั้งภายในและภายนอกห้องโดยสาร ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารที่เบาะหลัง และชุดอุปกรณ์ Travel & Comfort ก็เสริมความหรูหราและสะดวกสบายให้ทุกการเดินทาง โดยห้องโดยสารด้านในรุ่น i5 eDrive40 M Sport จะมาพร้อมกับสี Dark Silver M ประดับด้วยขอบ Aluminium Rhombicle ในขณะที่รุ่น i5 M60 xDrive จะมาพร้อมสี Dark Silver M accent ที่ผสมผสานเข้ากับวัสดุ Carbon Fibre และขอบสีเงิน high-gloss silver นอกจากนี้ ทั้งคนขับ ผู้โดยสารด้านหน้า และผู้โดยสารที่เบาะหลังทั้ง 2 ด้าน ยังจะได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยระบบการปรับอุณหภูมิ ความแรงลม และการระบายอากาศแบบแยกโซน รวมไปถึงระบบการตั้งโปรแกรมเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 5 ระดับ เซ็นเซอร์แสงอาทิตย์ที่ด้านหลัง และระบบกรองฝุ่นละอองระดับนาโนพาร์ทิเคิล (nano particulate filters) พร้อมจะส่งมอบทั้งประสบการณ์การใช้งานอันแสนจะง่ายไปพร้อมกับสภาพอากาศที่บริสุทธิ์ตลอดระยะเวลาการเดินทาง
สำหรับที่นั่งคนขับด้านหน้า ยังคงมุ่งเน้นไปที่ความสบายและมั่นใจของผู้ขับขี่ ด้วยระบบหน้าจอโค้ง BMW Curved Display ที่แบ่งออกเป็นจอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้ว และจอแสดงระบบควบคุม Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว บนระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ QuickSelect ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ผ่านไอคอนที่จัดเรียงมาในรูปแบบแถวแนวตั้งด้านข้างคนขับ ช่วยลดระยะเวลาในการใช้งานเมนูย่อยก่อนการเปิดใช้ฟีเจอร์นั้น ๆ นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลแบบโค้ง BMW Curved Display ยังทำงานควบคู่ไปกับระบบ BMW iDrive เพื่อส่งมอบการควบคุมที่ง่ายดายผ่านระบบหน้าจอสัมผัส ปุ่มคำสั่งบนพวงมาลัย และอุปกรณ์ควบคุม BMW iDrive Controller ที่บริเวณกลางคอนโซล นอกจากนี้ แพ็คเกจ BMW Live Cockpit Professional ยังมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล BMW Head-Up Display และมุมมองแบบ Augmented View ซึ่งผู้ขับขี่สามารถใช้งานเป็นหน้าจอสำหรับควบคุมการใช้งานด้านต่าง ๆ หรือจะใช้เป็นเป็นหน้าจอเสริมแบบ instrument cluster ก็ได้
อีกหนึ่งฟีเจอร์ไฮไลท์ภายในห้องโดยสารก็คือแถบ BMW Interaction Bar ที่ประดับด้วยขอบคริสตัลที่ครอบคลุมทั้งแถบไปจนถึงบานประตู ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งานได้ผ่านหน้าจอสัมผัส ทั้งยังส่งมอบบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่สามารถปรับแต่งได้ถึง 6 แบบตามรสนิยมเจ้าของ ได้แก่ Personal, Efficient, Sport และ Sport+, Expressive และ Relax
นอกเหนือไปจากระบบการควบคุมที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นอย่างดีและที่สุดของความสะดวกสบายด้านการใช้งาน ยังมุ่งส่งมอบประสบการณ์ด้านความบันเทิงที่เหนือชั้นให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยรุ่น i5 M60 xDrive ใช้ระบบเสียงรอบทิศทางจากแบรนด์ระดับโลก Bowers & Wilkins ซึ่งถือเป็นการปราฏตัวครั้งแรกบนบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 เพื่อมอบสุนทรียะทางเสียงให้แก่ผู้ใช้จากลำโพงทั้งหมด 17 ตัว มีกำลังขับรวมถึง 655 วัตต์ ตัวปรับรูปแบบเสียง 7 แบนด์ และลำโพงสำหรับมอบเสียงเบสโดยเฉพาะที่ติดตั้งไว้ภายใต้ขอบโลหะบริเวณประตูรถสามารถมอบขุมพลังและความยืดหยุ่นทางเสียงให้คุณได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม ในขณะที่รุ่น i5 eDrive40 M Sport พร้อมส่งมอบความบันเทิงอย่างเต็มที่ ด้วยระบบเสียง hi-fi จากแบรนด์ Harman Kardon ที่ใช้ลำโพงถึง 12 ตัวและแอมป์ดิจิตอล มีกำลังขับรวม 205 วัตต์ รวมทั้งยังสามารถปรับแต่งรูปแบบเสียงได้ตามต้องการ
นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 ยังร่วมส่งมอบความสนุกไปอีกขั้นด้วยการให้ผู้ใช้เข้าถึงคอนเทนท์ดิจิทัลได้หลากหลายรูปแบบยิ่งกว่าทุกครั้ง ครอบคลุมทั้งข้อมูลสำคัญและเนื้อหาด้านความบันเทิง รวมทั้งยังมีการอัพเดทที่รวดเร็วฉับไวยิ่งกว่าเดิม โดยหนึ่งในไฮไลท์สำคัญก็คือแพลตฟอร์ม AirConsole ที่ให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถเล่นเกมได้อย่างสนุกสนาน ในขณะที่ยานพาหนะจอดอยู่กับที่เพื่อให้ทุกคนยังสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ด้านความบันเทิงแม้ในขณะที่กำลังจอดชาร์จรถก็ตาม
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนสำหรับ BMW i5 เป็นระบบ eDrive เจเนอเรชันที่ 5 มีทั้งรุ่น i5 eDrive40 ประกอบด้วยแบตเตอรี่แรงดันสูงพร้อมด้วยเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ล่าสุดมีความจุ 83.9 kWh ผสมผสานกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าให้พลังเป็น 340 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 0-5,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนล้อหลังมอบระยะวิ่งสูงสุดถึง 497-582 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6 วินาที ความเร็วสูงสุด 193 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อีกรุ่นกับ i5 M60 xDrive โดยมีความจุแบตเตอรี่แรงดันสูง 83.9 kWh ผสมผสานกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ให้กำลังรวม 601 แรงม้า แรงบิด 795 นิวตันเมตร ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าให้กำลัง 261 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที และมอเตอร์ไฟฟ้าหลัง 365 นิวตันเมตรที่ 0-5,000 รอบต่อนาที หรือสูงสุดกว่า 820 นิวตันเมตร เมื่อเปิดใช้งานระบบ M Sport Boost หรือ M Launch Control มอบระยะวิ่งสูงสุดถึง 455-516 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ด้วยหัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) ทั้งสองรุ่นรองรับการชาร์จทั้งแบบ DC กระแสตรง และ AC กระแสสลับเริ่มที่ชาร์จไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC) สูงสุดได้ที่ 205 kW ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการชาร์จไฟจาก 10 – 80% และกระแสสลับ AC สูงสุดได้ที่ 22 kW ใช้เวลาประมาณ 4.15 ชั่วโมง ในการชาร์จไฟจาก 0-100%
ยังคงรักษาสมดุลระหว่างความสปอร์ตสุดเร้าใจและความสะดวกสบายสำหรับทุกการเดินทางไว้ เช่นเดียวกับซีรีส์ 5 รุ่นก่อน ๆ ด้วยความกว้างของตัวรถที่มากขึ้น การกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่แทบจะสมบูรณ์แบบที่อัตราส่วน 50:50 และโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งในทุกส่วน ส่วนช่วงล่างของบีเอ็มดับเบิลยู i5 ทั้งสองรุ่น มาพร้อมกับระบบ Adaptive Suspension Professional ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมด้วยระบบปรับองศาล้อหลังขณะเข้าโค้ง (Integral Active Steering)
มาพร้อมกับระบบ Driving Assistant Professional ที่รวมทั้งระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยและการเปลี่ยนเลน (Steering and Lane Change Assist) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (Active Cruise Control with Stop & Go function) ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง เอาไว้ด้วยกัน ในระหว่างการจอดรถ ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ Parking Assistant รุ่น Plus จะใช้กล้อง ควบคู่กับระบบคลื่นอัลตราซาวน์เพื่อช่วยผู้ขับขี่ในหลายสถานการณ์ ผ่านระบบช่วยจอดรถ Parking Assistant ระบบช่วยถอยรถ Reversing Assistant ระบบเตือนระยะห่าง Active Park Distance Control ระบบการช่วยจอดแบบ Lateral Parking Aid และระบบกล้องรอบทิศทาง Surround View โดยผู้ขับขี่สามารถดูสภาพแวดล้อมรอบตัวรถได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยภาพแบบสามมิติผ่านแอปพลิเคชัน My BMW รวมทั้งยังสามารถซื้อฟังก์ชัน BMW Drive Recorder ที่บันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบความละเอียดสูงจากกล้องรอบทิศทางได้จาก BMW ConnectedDrive Store
BMW i5 สเปกไทยขายทั้งหมดสองรุ่นย่อยในราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ดังนี้
- รุ่น i5 eDrive40 M Sport ราคาจำหน่าย: 4,999,000 บาท
- รุ่น i5 M60 xDrive ราคาจำหน่าย: 5,599,000 บาท