More

    BYD SEAL U เอสยูวีสุดหรูผลิตจีนครบ 8 แสนคัน

    เปิดจำหน่ายจีนมาสองปีสำหรับ BYD SEAL U หรือ BYD Song Plus เอสยูวีทรงสมาร์ตที่ขายจีนจนนิยมขายดีและเตรียมที่จะส่งไปจำหน่ายต่างประเทศในไม่ช้า

    BYDล่าสุด BYD ฉลองการผลิต BYD SEAL U หรือ BYD Song Plus (Champion Edition) ครบ 800,000 คันจากโรงงานผลิตรถที่เมืองซีอาน ประเทศจีน ความสำเร็จครั้งสำคัญนี้แสดงให้เห็นว่าบรรลุเป้าหมายการผลิตได้สำเร็จภายในเวลากว่า 3 ปีตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายนปี 2020 ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากลูกค้าด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมกลายเป็นซีรีส์รถเอสยูวีพลังงานใหม่มาแรงที่สุดในบรรดาแบรนด์จีนโดยยอดขายเดือนธันวาคมปี 2023 ขายได้ 50,725 คันและยอดขายสะสมทั้งปี 2023 ทำได้ 427,071 คัน โดยเฉพาะรุ่น DM-i PHEV คว้าแชมป์กลุ่มรถเอสยูวีเสียบปลั๊กขายดีในจีนตลอดสองปีครึ่ง หลังจากนั้นเสริมรุ่น EV จนมียอดขายมากกว่า 10,000 คันตั้งแต่เปิดตัว

    นอกจากนี้ส่งผลให้ยอดขาย BYD ทุกรุ่นในตระกูล Ocean (Seagull, Dolphin, SEAL, Sea Lion 07, Corvette 07, Destroyer 05, Destroyer 07, Song Plus และ E2) และ Dynasty (Han, Tang, Qin, Song L, Song Pro และ Yuan) ทั่วโลกและจีนรวมกัน 3,012,906 คัน เติบโต 62% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วแบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ล้วน (BEV) จำนวน 1,574,822 คัน เติบโต 73% และแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) จำนวน 1,438,084 คัน เติบโต 52%

    BYD

    BYD Seal U ชื่อในตลาดโลก หรือ BYD Song Plus (Champion Edition) ชื่อในตลาดเมืองจีนทั้งรุ่นเสียบปลั๊กและรุ่นไฟฟ้าล้วนในประเทศจีนเปิดตัวรุ่นปรับโฉมเมื่อเดือนมิถุนายนและขายจริงเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ตั้งใจท้าชก Tesla Model Y SUV ในร่างเอสยูวีไซซ์ใหญ่แบบ D-Segment และใหญ่กว่า BYD ATTO 3 ตัวรถภายนอกปรับหน้าตาให้เข้ากับความเป็นรถอีวีสุดหรู ตั้งแต่ ไฟหน้า LED ชุดกันชนหน้าขึ้นรูปชิ้นเดียวมีกระจังหน้าปิดทึบอยู่ในชุดเดียวกัน กระจกแบบโอเปร่าดีไซน์หรูหราดุจรถยุโรป เส้นสายของตัวถังที่ดูลื่นไหลนับตั้งแต่จมูกหน้ารถแนวตัวถังด้านข้างต่อเนื่อง

    ไฟท้าย LED ที่วางแบบเต็มท้ายรถติดตั้งดิฟฟิวเซอร์มาให้พร้อมไฟถอยหลังใต้กันขนและไฟทับทิมซ้าย-ขวา แต่ไม่มีคำว่า “ Build Your Dreams ” ที่ฝาท้ายรถ หลังคารถพาโนรามิกซันรูฟ ล้อสีทูโทนดีไซน์เอกลักษณ์ ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/50R19 สร้างบนพื้นฐาน e-platform 3.0 ความยาว 4,775-4,785 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,890 มิลลิเมตร ความสูง 1,660-1,670 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,765 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 2,205 กิโลกรัม และความจุถังนำมัน 60 ลิตรในรุ่น PHEV

    BYD

    ภายในมาทั้งหมดแต่ปรับโทนสีภายในเป็นสีดำล้วนเน้นความล้ำสมัยพร้อมออปชันดังนี้ จอกลางแบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้วสามารถหมุนจอได้ ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย DiLink รองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน  มาตรวัดความเร็ว 8.8 นิ้ว เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะนั่งแถวหลังแบ่งพับ 60:40 เพื่อขยายพื้นที่ในการขนสัมภาระมาถึง 1,449 ลิตรกรณีพับเบาะและมีพื้นที่ถึง 570 ลิตรในกรณีไม่พับเบาะ เครื่องปรับอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกุญแจ NFC พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัดสามก้าน ที่ชาร์จมือถือไร้สาย หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส และช่องเก็บของหลายจุดสามารถวางแก้วน้ำ

    BYDขุมพลังมีให้เลือกทั้งแบบ Plug In Hybrid DM-i ด้วยเบนซิน 1.5 ลิตร รหัส BYD472ZQA ให้กำลังสูงสุด 112 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 200 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวมถึง 311 แรงม้า มาพร้อมสองทางเลือกเริ่มที่รุ่น DM-i 110 ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 18.3 kWh เมื่อทำงานร่วมกัน วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 110 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.3 วินาที

    และรุ่น DM-i 150 พื้นฐานเดียวกันแต่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 26.6 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.5 วินาที ทั้งคู่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO, Normal, Sport, HEV และ EV รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 3.3 และ 7 kW และการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 18 kW

    เวอร์ชันไฟฟ้า BEV มาพร้อมกันถึงสองรุ่นสองความแรงจากพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า Permanent Magnet Synchronous Motor พร้อมแบตเตอรี่แบบ lithium iron phosphate (LFP) เริ่มที่รุ่น Standard Range มีความจุแบตเตอรี่ขนาด 71.8 kWh กำลังสูงสุด 204 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดระดับ 310 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ 420 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP) แถมให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 9.3 วินาที รองรับการชาร์จเร็ว (DC fast charging) 30-80% ภายในเวลา 28 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 114 kW และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% ได้ 8 ชั่วโมง

    รุ่น Extended Range มีความจุแบตเตอรี่ขนาด 87 kWh กำลังสูงสุด 218 แรงม้า กับ แรงบิดสูงสุดระดับ 330 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP) แถมให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 9.6 วินาที รองรับการชาร์จเร็ว (DC fast charging) 30-80% ภายในเวลา 29 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 140 kW และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% ได้ 8 ชั่วโมง รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 11 kW

    มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed พร้อมโหมดการขับขี่สามโหมดทั้ง Eco, Standard และ Sport มีระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) ใช้หัวชาร์จแบบ Type 2 / CCS Combo ยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้

    BYDBYD Seal U จำหน่ายแล้วที่ยุโรป ออสเตรเลียและไทยเตรียมขายภายในปี 2024 ในเวอร์ชันไฟฟ้า ทางด้านเมืองจีน BYD Song Plus (Champion Edition) จำหน่ายผ่านตัวแทนขายออนไลน์กลุ่ม BYD Ocean Network เน้นขายกลุ่มวัยรุ่น ล่าสุดสร้างยอดขายสะสมทะลุ 2,000,000 คัน โดยในเดือนธันวาคม 2023 สร้างยอดขาย 167,963 คัน และยอดขายสะสมตลอดปี 2023 มากกว่า 1,380,000 คัน

    ที่มา AUTOHOME และ PC Auto

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts