นับเป็นรถรุ่นใหม่ของค่าย BYD ที่พร้อมเปิดตัวภายในปีนี้ ประเดิมที่แรกที่เมืองจีนกับ BYD Song L DM-i เอสยูวีร่างใหม่ไฉไลกว่าเดิม
ล่าสุดมีการเปิดทีเซอร์ใหม่เห็นด้านท้ายด้วยไฟท้าย LED แนวยาวพร้อมตรา BYD กันชนหลังมีลิ้นสปอยเลอร์หลังในชุดกันชนดีไซน์กลมกลืน ด้านหน้ามาพร้อมดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่กระจังหน้าออกแบบหกเหลี่ยมใหม่พร้อมตราตระกูลรับกับไฟหน้า LED พร้อมกันชนหน้ามีช่องระบายอากาศแบบ Star Matrix
ด้านข้างตกแต่งแถบสีเงินที่ขอบกระจก ราวหลังคา พร้อมหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ กระจกมองข้างทรงสปูน ที่เปิดประตูดีไซน์ซ่อนฝังในตัวรถ และล้ออัลลอยทูโทนขนาดใหญ่ตั้งแต่ 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/65R17 ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 225/60R18 และ 19 นิ้วพร้อมยาง 235/50R19 ตัวรถมาในร่างเอสยูวีทรงกล่องและขนาดใหญ่กว่ารุ่น Song Plus DM-i ตั้งแต่ความยาว 4,775 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,890 มิลลิเมตร ความสูง 1,670 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,765 มิลลิเมตร
ภายในคาดเป็น 5 ที่นั่งพร้อมออปชันทั้งแผงคอนโซลหน้าเป็นศูนย์นรวมของชุดมาตรวัดความเร็วแนวนอนขนาด 8.8 นิ้ว จอกลางแบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้วสามารถหมุนจอได้ ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย DiLink รองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกุญแจ NFC พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ที่ชาร์จมือถือไร้สาย หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส ช่องเก็บของหลายจุด มาพร้อมที่วางแก้วขนาดใหญ่ 2 จุด พอร์ตชาร์จ USB Type C 2 จุด และ Type A 2 จุดและภายในปรับโทนสีภายในเป็นสีดำผสมสีครีมเน้นความล้ำสมัย
ขุมพลังเป็นแบบ Plug In Hybrid หรือ DM-i เวอร์ชันล่าสุด 5.0 ด้วยเบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส BYD472QC ให้กำลัง 101 แรงม้า แรงบิด 126 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่ lithium iron phosphate (LFP) จาก BYD ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แบ่งกันสองรุ่นตั้งแต่ รุ่น DM-i 80 มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ ขนาด 10.08 kWh และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 264 แรงม้า วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้า 80 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (CLTC) และอีกรุ่นกับ DM-i 120 มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ 15.874 kWh และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 318 แรงม้า วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าได้ 120 กิโลเมตร (CLTC) และต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และน้ำมัน 1 ถังเต็มวิ่งไกล 2,100 กิโลเมตร (CLTC)
สามารถชาร์จกระแสตรง DC และกระแสสลับ AC พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ มีเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ และระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) โหมดการขับขี่ HEV/EV/Snow/ECO/SPORT/Normal ซึ่งมาจากรุ่น BYD QIN L และ BYD Seal 06 เบื่องต้นเตรียมขายจีนเร็วๆนี้
ที่มา CarNewsChina
