เปิดตัวและเปิดราคาที่จีนตั้งแต่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมาจนได้รับการตอบรับที่ดีสำหรับรถอีวีรุ่นล่าอย่าง BYD Song L จากตระกูล Dynasty
ล่าสุด BYD แจ้งมาว่าเปิดขายสามวันกวาดยอดจองมากกว่า 8,000 คันและความร้อนแรงยังไม่สิ้นสุดและจากข้อมูลงานวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคของ CarFans กล่าวว่า ฺBYD Song L หนึ่งตัวแทนดีลเลอร์มียอดจอง 4-5 คันและจำนวนการเข้าโชว์รูมเพิ่มเป็น 30-40% หมายความว่าลูกค้าสามรายมาชมมาสัมผัสตัวจริงกลุ่มลูกค้าแบ่งเป็นผู้ชาย 70% และอายุเฉลี่ย 25-35 ปี เป็นคู่รักหรือครอบครัวเล็กๆที่ต้องการนำรถตัวเองมาแลกเปลี่ยนรถใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของ BYD รุ่นนี้ รุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นรุ่น 662 กิโลเมตร โดยสีขา่วเป็นที่ลูกค้าเลือกมากที่สุดทั้งสีรถภายนอกและสีภายในห้องโดยสาร
BYD Song L ภายนอกดีไซน์เด่นในร่าง Fastback SUV ชุดกันชนหน้าจุดซ้าย-ขวา มีไฟ DRL ทรงตัว T ติดตั้งอย่างหล่อและไม่มีครีบระบายอากาศที่มุมขอบกันชนหน้าไฟหน้า LED 3 ดวง กับตรา Song ภาษาจีน ที่เด่นสง่า ด้านข้างดุดันด้วยช่องระบายอากาศสีดำซ้าย-ขวากระจกมองข้างมาแบบทรงสปูน ที่เปิดประตูดีไซน์ซ่อนรูปเรียบเนียนกลมกลืนกับตัวถังรถ กระจกรถไร้กรอบแบบ Hardtop เป็นสไตล์โอเปร่าพร้อมเสา A ตกแต่งสีดำ ล้ออัลลอย 5 ก้านทรงเท่
ด้านท้ายสวยงามด้วยไฟท้าย LED แนวยาว ฝากระโปรงท้ายติดตั้งสปอยเลอร์แบบกางปีกออกได้ด้วยระบบไฟฟ้าและใต้ชุดไฟท้ายมาครั้งนี้ใช้โลโก้ตัวอักษร BYD แทนคำว่า Build Your Dreams สวยด้วยกันชนหลังออกแบบใหม่พร้อมลิ้นสปอยเลอร์สีดำใต้กันชนหลัง โดยมารูปแบบการดีไซน์แบบ Pioneering Longyan Aesthetics ตัวรถมีความยาว 4,840 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,950 มิลลิเมตร ความสูง 1,560 มิลลิเมตร และฐานล้อ 2,930 มิลลิเมตร โดยยังใช้แพลตฟอร์ม e-platform 3.0 เช่นเดิม
ภายในห้องโดยสารคล้ายกับภาพสเก็ตคราวก่อนครั้งนี้ล้ำกว่าเริ่มที่เริ่มชุดแผงคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่ายซ่อนความทันสมัยล้ำหน้าในตัวติดตั้งชุดมาตรวัดความเร็วแบบ LCD ขนาด 10.25 นิ้วตรงกลางเป็นจอสัมผัสขนาดใหญ่ที่สามารถเป็นทั้งแนวตั้งและนอนสามารถหมุนจอได้ ขนาด 15.6 นิ้ว ถัดลงมาจะเป็นปุ่มใต้จอสามปุ่มช่องแอร์แล็กสี่ช่องแนวตั้ง หัวเกียร์คริสตัล ที่วางแก้วแม้กระทั่งที่ชาร์จมือถือแบบไร้สายในชุดคอนโซลลกางพร้อมที่วางแขนขนาดใหญ่สองชั้นคั่นกลางด้วยวัสดุหนังสัมผัสใต้ล่างจะเป็นช่องเสียบ USB C ด้านโทนการตกแต่งภายในจะออกแนวสีเทาเข้ม/สีเบจพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัดและเบานั่งทรงสปอร์ตโอบกระชับและเบาะหลังพับได้แบบ 60:40 และจอแสดงข้อมูลเหนือแผงคอนโซลหน้า Head Up Display แบบ AR ขนาดใหญ่ 50 นิ้ว
พลังขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor พร้อมแบตเตอรี่แบบ lithium iron phosphate (LFP) Blade Battery เป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถเรียกว่า Cell To Body หรือ CTB แบบเดียวกันที่ใช้ใน BYD ATTO3, BYD SEAL และ BYD Dolphin มีด้วยกันสามรุ่นย่อยตั้งแต่รุ่น Standard Range มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง RWD พร้อมความจุแบตเตอรี่ 71.8 kWh ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า วิ่งไกลสุด 550 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC โดยให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.6 วินาที
ขยับมาที่รุ่น Extended Range ยังเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังความจุแบตเตอรี่เท่ากันแต่ให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า วิ่งไกลสุด 662 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC โดยให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.9 วินาที และรุ่นท็อป AWD Performance ขับเคลื่อนสี่ล้อมเตอร์ไฟฟ้าคู่ พร้อมความจุแบตเตอรี่ 87.04 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 517 แรงม้า จากมอเตอร์คู่หน้าให้กำลัง 204 แรงม้า และมอเตอร์คู่หลัง 313 แรงม้าวิ่งไกลสุด 602 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC โดยให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.3 วินาที ทุกขนาดความแรงให้ความเร็วสูงสุด 201 กิโลเมตรต่อชั่วโมงส่วนระยะเวลาการชาร์จทั้งแบบกระแสตรง DC กับ กระแสสลับ AC ยังไม่มีการเปิดเผย อีกจุดเด่นที่จะเรียกเสียงฮือฮาได้นั่นก็คือช่วงล่างถุงลมแบบ DiSus-A เพื่อการเดินทางสะดวกสบาย
BYD Song L ขายห้ารุ่นย่อยที่เมืองจีนในราคาเริ่มต้น 189,800-249,800 yuan หรือราว 933,000-1,225,000 บาท และวี่แววว่าจะกลายเป็นรุ่นใหม่ส่งขายทั่วโลกในตระกูล Ocean ท้าชนกับ Tesla Model Y หรือไม่ต้องติดตาม ปัจจุบัน BYD ส่งมอบรถยนต์ในจีนตลอด 11 เดือนของปี 2023 ทั้งหมด 2,682,636 คัน จากเป้ายอดส่งมอบ 3,000,000 คันในปีนี้ และการส่งออกเพิ่มขึ้น 149% โดยในเดือนพฤศจิกายนส่งไปแล้ว 30,629 คัน
ที่มา CarNewsChina