More

    10 เช็กลิสต์รถยนต์ ” ผู้หญิง ” สตรองยุคใหม่ต้องรู้!!

    ผู้หญิง ยุคใหม่นี้ นอกจากจะเก่งเรื่องการทำงานแล้ว ยังต้องสตรองในการใช้ชีวิตด้วย โดยเฉพาะยานพาหนะที่จำเป็นอย่างรถยนต์ ที่ผู้หญิงหลายคนขับรถไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง สำหรับสาวสตรองแล้วเราก็ควรที่จะมีความรู้พื้นฐานในเรื่องเหล่านี้ วันนี้เรามาแนะนำ 10 เช็กลิสต์รถยนต์ ผู้หญิง สตรองยุคใหม่ต้องรู้!!

    1.หมั่นตรวจเช็กน้ำมันเครื่อง

    น้ำมันเครื่อง เป็นสิ่งที่สำคัญต่อเครื่องยนต์ โดยเราควรหมั่นเช็กระดับน้ำมันเครื่องว่าอยู่ในระดับปกติไหม ด้วยการดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาดู ถ้าน้ำมันเครื่องอยู่ระดับ F และ L แสดงว่าระดับน้ำมันเครื่องปกติ แต่ถ้าปล่อยให้น้ำมันเครื่องอยู่ต่ำว่าตัว L หรือ ต่ำกว่าขีดล่าง ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหากับเครื่องยนต์ได้ นอกจากนี้ควรหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้พร้อมใช้งาน

    2. อย่าลืมดูน้ำมันเบรกและเบรก

    นอกจากนี้เราควรหมั่นเช็กน้ำมันเบรกว่า และเบรกอยู่ในระดับมาตรฐานหรือ เปล่าโดยเปิดฝากระโปรงหน้ารถและดูที่กระปุกน้ำมันเบรก ว่าไม่ควรต่ำกว่าระดับ Min และไม่ควรจะสูงเกิน Max หากระดับน้ำมันเบรกอยู่ต่ำกว่า Min แสดงว่าผ้าเบรกอาจมีปัญหา หรืออาจมีการรั่วซึมได้ ควรเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด

    3. หมั่นตรวจระดับน้ำยาหล่อเย็นหรือน้ำในหม้อน้ำ

    เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้รถยนต์เกิดอาการโอเวอร์ฮีท หรือเครื่องยนต์เกิดความร้อนจนเกินไป เราจึงควรหมั่นตรวจระดับน้ำยาหล่อเย็นหรือ น้ำในหม้อน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่ตลอด หากพบว่าน้ำมีระดับต่ำก็ควรเติมด้วยน้ำกลั่น หรือผสมน้ำยาหล่อเย็น การเติมน้ำเปล่าลงไปในหม้อน้ำ ควรเติมเฉพาะกรณีฉุกเฉินจริง ๆ เท่านั้น เช่น เกิดความร้อนสูงระหว่างการเดินทาง จำเป็นต้องใช้น้ำเปล่าช่วยลดความร้อนเครื่องยนต์ในตอนนั้น ไม่ควรใช้น้ำประปาบ่อย ๆ เพราะอาจเกิดตะกรันได้

    4. เช็กสภาพแบตเตอรี่

    เราสามารถตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่รถยนต์ได้ด้วยการดูตาแมวแบตเตอรี่ หากมีสีเขียวหรือ สีน้ำเงินแสดงว่าไฟเต็ม หากเป็นสีขาวหรือ สีใส แสดงว่าไฟอ่อน ควรชาร์จไฟเพิ่ม

    แต่ถ้าเป็นสีแดงหรือ สีส้ม แสดงว่าน้ำกลั่นแห้ง ควรเติมน้ำกลั่น ดังนั้นจึงควรใช้งานแบตเตอรี่อย่างเหมาะสม ไม่เปิดไฟหน้ารถทิ้งไว้ เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่หมด โดยเราควรมีเครื่องมือวัดโวลต์แบตเตอรี่

    และเครื่องมือชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์สำรองไว้หรือ พกสายพ่วงแบตเตอรี่ไว้ก็จำเป็น เผื่อต้องขอพ่วงแบตกับรถคันอื่น หรือนำไปใช้ช่วยเหลือรถคันอื่น

    5. วัดลมยางสม่ำเสมอ

    หลังจากดูพวกของเหลวกันไปแล้ว เรื่องของลมยาง และยางรถยนต์ ก็เป็นสิ่งที่สาว ๆ ไม่ควรปล่อยปละละเลย เพราะถ้าลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้รถกินน้ำมัน แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วย อย่างไรแล้วเราควรหมั่นเช็กลมยางอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง โดยดูค่าแรงดันยางรถยนต์ได้ที่ป้ายข้างประตูคนขับ หากเป็นรถเก๋ง 4 จะอยู่ที่ประมาณ 30-32 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ซึ่งนอกจากจะหมั่นเช็กลมยางแล้วควรเช็กยางรถยนต์ด้วยว่ามีสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ หากใช้งานจนดอกยางเริ่มโล้น หรือใช้งานมาแล้ว 3 ปี หรือประมาณ 60,000 กิโลเมตร ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางรถยนต์แล้วล่ะ

    6. อย่าลืมเปลี่ยนยางปัดน้ำฝน

    ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ ควรหมั่นเช็กสภาพยางปัดน้ำฝนว่าใช้งานได้ดีหรือไม่ หากยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ หรือยางเริ่มแข็ง ควรเปลี่ยนใหม่ทันที เพื่อการปัดน้ำฝนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ควรเติมน้ำในกระบอกปัดน้ำฝนด้วย เผื่อต้องใช้ในการฉีดน้ำล้างกระจกเพื่อความสะอาดใส และทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ดี

    7.ตัวถังและสี

    การดูแลตัวถังและสีไม่ใช่เรื่องยาก เพราะทุกคนไม่ว่าจะขับรถเป็นหรือไม่ก็น่าจะคุ้นเคยดี นั่นคือการหมั่นทำความสะอาด มีการลงแว็กซ์ขัดเคลือบสีเป็นระยะ จะเข้าร้านล้างรถ หรือจะล้างด้วยตัวเองก็ได้ ขั้นต้นก็คืออย่าปล่อยให้มีสิ่งสกปรก เช่น ดินโคลน ขี้นก เกาะตัวรถเป็นเวลานาน ไม่ควรข้ามวัน เมื่อกลับถึงบ้านควรรีบล้างออก เพื่อถนอมสีรถให้สดใสอยู่ได้นาน

    8.หมั่นเช็กไฟส่องสว่าง

    ดวงไฟต่าง ๆ ของรถจะปล่อยให้ดับหรือเสียหายไม่ได้ เวลาปกติอาจไม่รู้สึกถึงมัน แต่ถ้าวันไหนขาดไปจะพบความยากลำบากทันที เพราะฉะนั้นถ้านึกขึ้นได้ควรเช็ดดูว่าไฟหน้า ไฟท้าย ไฟถอย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ยังทำงานปกติหรือไม่ ถ้าพบว่ามีส่วนไหนไม่ทำงาน ง่ายที่สุดคือเข้าศูนย์หรืออู่ใกล้บ้าน

    9.ดูแลเบาะหนัง/เบาะกำมะหยี่

    เป็นเรื่องที่เถียงกันไม่จบว่าเบาะหนังหรือเบาะกำมะหยี่อย่างไหนดีกว่ากัน เอาเป็นว่าแล้วแต่คนจะชอบ บางคนชอบเบาะหนังเพราะมันดูดี ดูแลรักษาง่าย บางคนชอบเบาะผ้า เบาะกำมะหยี่ เพราะมันมีลวดลายสวยงาม ทั้งสองอย่างใช้การดูแลรักษาต่างกัน ถ้าเป็นเบาะหนังไม่ว่าหนังแท้หรือหนังเทียมก็ต้องใช้น้ำยารักษาเบาะหนังขัดถูเป็นประจำเพราะถ้ารถโดนแดดโดนความร้อนมาก ๆ ใช้ไปนาน ๆ หนังจะเริ่มแตก โดยเฉพาะหนังเทียม ส่วนเบาะผ้า ควรดูแลเรื่องความชื้นไม่ควรปล่อยให้เปียก หรือมีความชื้นนานเพราะอาจจะขึ้นราได้ง่าย

    10.เช็กไฟเตือนทุกครั้งก่อนออกรถ

    ก่อนจะออกรถในทุก ๆ วัน สิ่งที่ควรจะมองคือหน้าปัดรถยนต์ เช็กดูว่ามีไฟเตือนขึ้นหรือไม่ เช่น ไฟรูปเครื่องยนต์ที่สว่างขึ้น อาจหมายถึงการเผาใหม้ในระบบไม่สมบูรณ์ เป็นไปได้ทั้งระบบน้ำมัน ระบบจุดระเบิด หรือ ระบบน้ำมันเครื่อง ทางที่ดีควรเอารถเข้าเช็กที่ศูนย์หรืออู่ทันที ยังไม่รวมถึงไฟชนิดอื่น เช่น ไฟรูปเบรกที่อาจจะเกี่ยวกับน้ำมันเบรก หรือผ้าเบรถ ไฟรูปแบต แสดงว่าประจุไฟในแบตเตอรี่เริ่มต่ำ หรือแบตรถเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว

    เพียงเท่านี้คุณผู้หญิงทั้งหลายก็จะมีความรู้มากพอที่จะดูแลรถสุดที่รักของคุณได้ด้วยตัวเองแล้ว นอกจากนี้อาจจะต้องคอยสังเกตอาการของรถเอาเองซึ่งถ้าขับบ่อย ๆ ก็จะรู้สึกได้เองถึงความผิดปกติของรถ และเมื่อตัวคุณพร้อม รถพร้อม คุณก็จะใช้รถใช้ถนนได้อย่างปลอดภัย 


     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts