More

    รีวิว! GWM TANK 300 ทรงลุยเน้นแต่งถ้าไม่แคร์ค่าน้ำมัน

    นับเป็นการบุกตลาดรถเน้นลุยสำหรับ GWM ส่งแบรนด์ลูกลำดับที่สามกับ GWM TANK ประเดิมสองรุ่นทั้ง GWM TANK 500 และ GWM TANK 300

    GWMโดยได้เปิดตัวและประกาศราคาตั้งแต่ 28 กันยายน 2023 ทีผ่านมาและได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากแฟนๆสายลุยที่แสวงหาความท้าทายความแปลกใหม่ในการผจญภัยช่วงวันหยุดและวันนี้ได้มาทำความรู้จักกับเอสยูวีสายเลือดมังกรค่าตัวล้านปลายๆและเป็นรถประกอบไทยเสียด้วย

    Design & Exterior

    GWM TANK 300 รุ่นท็อป ULTRA มาในรถทรงกล่องเหลี่ยมๆสไตล์โมเดิร์นมาพร้อมรูปทรงสง่างามให้อารมณ์ความเป็นเอสยูวีสายลุยแบบเอ็กซ์ตรีมเต็มขั้นเปี่ยมไปด้วยความสามารถในการผจญภัยในทุกเส้นทางอย่างแข็งแกร่งตามสไตล์ TANK รองรับการขับขี่ในหลากหลายสภาพถนนด้วยหน้าตาคล้าย JEEP Wrangler ตั้งแต่กระจังหน้าขนาดใหญ่แนวนนอน 3 เส้น สีดำ Piano Black พร้อมโลโก้ TANK ไฟหน้า Intelligent LED ทรงกลมพร้อมไฟ LED Daytime

    คิ้วขอบล้อสีดำดุดันด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง Continental Horse AT 265/65 R17  ในรุ่น ULTRA  ท็อปสุด หลังคาซันรูฟแบบเปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มาพร้อมราวหลังคาเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน และเสาอากาศ แบบ shark fin ที่เปิดประตู กระจกมองข้างตกแต่งสีเข้มทั้งหมดด้านท้ายดีไซน์ตั้งตรงพร้อมฝาท้ายขนาดใหญ่เปิดด้านข้างกางได้สูงสุด 90 องศา และถ้าต้องการปิดสามารถหมุนโช้กอัพส่วนล่างได้ และยังห้อยยางอะไหล่ไว้ดูมีเอกลักษณ์ดีตามสไตล์ออฟโรดยุค 90 และติดตั้งไฟท้าย Vertical LED แนวตั้ง

    ตัวรถสร้างจากแพลตฟอร์มแกร่งแชสซีส์ขั้นบันได Ladder Frame ใหญ่โตทุกมิติตั้งแต่ความยาว 4,760 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,930 มิลลิเมตร ความสูง 1,903 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 224 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 2,313 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 75  ลิตร

    Interior & Convenience

    GWMภายในหรูสไตล์ Premium off-road โทนสีดำเข้ม ให้ความรู้สึกหรู ทันสมัย กว้างขวาง สะดวกสบาย และใส่ใจในทุกรายละเอียด แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ร่วมสมัยช่องแอร์ดีไซน์เดียวกับ Mercedes-Benz G-Class มาตรวัด Full LCD 12.3 นิ้ว จอสัมผัส LCD ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน เชื่อมต่อ พอร์ต USB ด้านหน้าและด้านหลังลำโพงคุณภาพรอบคัน 8 จุดจากค่าย Infinity

    GWMเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 และ Ionizer ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การชาร์จ Smart Phone สะดวกและรวดเร็ว ช่อง USB สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า/หลัง และสำหรับกล้องบันทึกภาพ

    ช่องจ่ายไฟสำรอง 220V แบบพร้อมเต้ารับสายไฟไฟสร้างบรรยากาศภายในมากถึง 64 สี Ambient light นาฬิกาแบบคลาสสิก เพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสารได้อย่างลงตัวและ และระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด ทำงานร่วมกับกุญแจ Smart Key และ Push Start เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหากุญแจ

    มีฟังก์ชันอัจฉริยะ ทั้ง อัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) อัพเกรดเฟิร์มแวร์สำหรับการควบคุมระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ระบบการขับขี่อัจฉริยะต่าง ๆ รวมถึงระบบ Infotainment และระบบควบคุมอื่นๆ ภายในรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) จดจำเสียงได้เป็นอย่างดี จึงสามารถช่วยลดการใช้งานจากการกดปุ่ม และ GWM Application จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถและตรวจสอบสถานะอื่นๆ

    GWMเบาะนั่งหุ้มหนัง NAPPA leather ตัดเย็บประณีต คู่หน้าปรับไฟฟ้าด้านคนขับ 8 ทิศทางและคนนั่งปรับ 4 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เพื่อความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงจากรถเบาะหลังตอนที่สองพับได้ 60/40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกของมากถึง 1,635 ลิตร เมื่อพับเบาะ

    Engine & Transmission

    GWMทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลังตอบโจทย์การผจญภัยอย่างลงตัวพร้อมมอบประสบการณ์ที่มีสีสันให้ผู้ขับขี่ด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร รหัส E20NA ให้กำลังในภาคเครื่องยนต์ 244 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,000 รอบต่อนาที

    จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 106 แรงม้า แรงบิด 268 นิวตันเมตรพร้อม ชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 1.7 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 304 แรงม้า แรงบิด 640 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.9 วินาที สามารถเติมสูงสุด E20 ส่งผลให้การปล่อยไอเสีย CO2 ทำได้เพียง 196 กรัมต่อกิโลเมตร

    GWMจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Electronic Shifter พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แบบเรียลไทม์อัจฉริยะ ระบบสามารถสลับโหมดได้ 3 โหมด ได้แก่ ขับเคลื่อนสองล้อ (2H สอดคล้องกับโหมดประหยัด) ขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (AWD) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ (4L) พร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 7 รูปแบบ อาทิ โหมดปกติ Normal โหมด Sport โหมด ECO โหมดพื้นหิมะ Snow โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย SAND และโหมด 4L

    Handling & Ride

    GWMเอสยูวีฟูลไฮบริดคันนี้ถูกเซ็ตมาเพื่อเสริมพละกำลังของเครื่องยนต์ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อประหยัดน้ำมันแต่อย่างใด เมื่อขุมพลังอันน้อยนิด 2 ลิตรพ่วงการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและชุดแบตเตอรี่ นำพาร่างทรงกล่องน้ำหนัก 2 ตัน สร้างกำลังสร้างเรี่ยวแรงอย่างเหลือล้นต่อการใช้งานในยามเร่งแซงก็ต้องทำใจสักนิดเพราะคันเร่งมันตอบสนองช้าไปนิด ต้องรอสัก 2 วิถึงจะพุ่งไปข้างหน้า อืดต้นไหลปลายโดยช่วงปลายๆให้กำลังสม่ำเสมอในช่วงที่ใช้โหมด ECO ขับหลัง กับ Normal และถ้าต้องการความเร้าใจในการขับขี่ยังมีโหมด Sport สร้างกำลังสูงกว่านิดนึง

    การเก็บเสียงอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ในย่านความเร็วปกติแต่ช่วงความเร็วสูงตั้งแต่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะออกอาการรถต้านลมได้ยินเสียงลมเข้ามาภายในค่อนข้างดัง ทางด้านเสียงจากเครื่องยนต์เงียบเพราะบุวัสดุบริเวณห้องเครื่องอย่างหนายังพอได้ฟังเสียงเพลงที่เปิดอย่างลื่นหูสบายหู

    มั่นใจในการลุยไม่ต้องกังวลว่าเป็นรถติดถ่านมันจะเป็นอุปสรรคในการตะลุยเส้นทางกับโหมดขับขี่อีก 4 โหมดทั้งโหมดพื้นหิมะ Snow โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย SAND และโหมด 4L ขึ้นอยู่กับสภาพถนนที่ต้องเผชิญพร้อมระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) เพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อนพร้อมโหมด crawl mode

    และยังมีระบบ Off-road Cruise Control เพื่อควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อให้รถวิ่งด้วยความเร็วต่ำและความเร็วคงที่ เหมาะสำหรับถนนที่มีสภาพซับซ้อน และ Body Transparent แสดงภาพใต้ท้องรถ ระบบจะจดจำข้อมูลภาพจากกล้องระหว่างการขับขี่ ผ่านจอสัมผัส ยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่ ข้อดีของคันนี้อยู่ที่มี TANK Turnช่วยกลับรถในพื้นที่แคบเมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้ ได้ใช้ในยามคับขัน

    GWMช่วงล่างเป็นระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอส อาร์ม ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงก์ที่ให้ความนุ่มนวลออกตึงๆยึดเกาะถนน ในยามขับขี่ทั่วๆไปแต่เส้นทางออฟโรดให้ความมั่นใจปีนป่ายเกาะถนนดีด้วยปีนป่ายแบบชิวๆเพราะคันนี้มีมุมเงย หรือ approach angle 33 องศา และมุมจากหรือ departure angle 34 องศา พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้าปรับน้ำหนักของพวงมาลัยจากเบาไปหาหนักถึง 3 ระดับ ตามความต้องการของคนขับ ใช้งานทั่วๆไปเบาคล่องมือ พอใช้ความเร็วสูงมีน้ำหนักอยู่บ้าง

    ดิสก์เบรก 4 ล้อแบบมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อจังหวะเบรกจะมีแถมนิดๆ ต้องจับจังหวะดีๆนิดนึง ในการกะระยะการเบรก ปิดท้ายด้วยอัตราสิ้นเปลืองทำได้ 8.18 กิโลเมตรต่อลิตร เส้นทาง กรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด 509 กิโลเมตร แต่ในเมืองได้เห็น 5-6 กิโลเมตรต่อลิตร ข้อมูลสิ้นเปลืองจากโรงงานในเมืองทำได้ 13.16 กิโลเมตรต่อลิตร นอกเมือง 11.24 กิโลเมตรต่อลิตร เฉลี่ย 11.9 กิโลเมตรต่อลิตร

    Safety & Feature

    GWMความปลอดภัยรอบคันด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ทั้ง ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) ช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI)

    ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) ช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) ตรวจความดันลมยาง (TPMS)

    Verdict

    GWMในราคา 1,799,000 บาท แถมมีส่วนลดเร้าใจเป็นแสนนับว่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสามารถนำไปแต่งอัปความหล่อคล้ายๆกับ Mercedes-Benz G-Class ด้วยชุดแต่งที่มีทั้งคนไทยทำและนำเข้าจากจีนมาเลือกกันอย่างจุใจ สำหรับคนที่ใช้ทางเรียบอย่างเดียวแต่ถ้าอยากลุยหล่อเรียบๆมาจากโรงงานก็เท่ไปอีกแบบคันนี้ นั่งสบาย ทัศนวิสัยโปร่งตา ออปชันด้านการขับขี่และลุยจัดมาให้อย่างสาสมใจคนลุยใช้ในวันหยุดได้อย่างสุดขีด ถ้าไม่แคร์ว่าคันนี้ให้อัตราการกินน้ำมันอย่างหนักหน่วงสำหรับ GWM TANK 300 รุ่น ULTRA HEV มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีส้ม, ดำ เทา และขาว

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts