GWM พร้อมแล้วที่จะใช้เวทีงาน Auto China 2024 เปิดตัวอย่างเป็นทางการกับเอสยูวีรุ่นใหญ่อย่าง HAVAL H9 เจเนอเรชันที่สอง
HAVAL H9 เจนที่สอง ดีไซน์ตัวรถย้อนยุคเน้นความเหลี่ยมดุดันเริ่มที่ กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมแนวนอนสี่ชั้นติดตราโลโก้ขนาดใหญ่ ไฟหน้าทรงกลมแบบ LED กันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอก LED มีการ์ดเสริมเรียบเนียนในชุดกันชนหน้า กระจกมองข้างทรงสปูนสีเหลี่ยม พร้อมราวหลังคา หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิก เสา B จนถึงเสา D เน้นความตรงไม่มีโค้งสื่อถึงความแกร่งถึงใจ บันไดข้างดึงกลับด้วยระบบไฟฟ้า
ด้านท้ายชวนให้นึกถึง LAND Rover Defender ด้วยฝาท้ายยึดยางอะไหล่ ที่เปิดฝาท้ายเต็มบาน ไฟท้าย LED แนวตั้ง รับกันชนหลังดีไซน์เรียบง่าย และ ล้ออัลลอยมีทั้งขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 265/65R17 และขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18
ตัวรถคาดว่าสร้างจากแชสซีส์ขั้นบันไดหรือ Body on Frame มิติตัวรถตั้งแต่ความยาว 5,070 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,960 มิลลิเมตร ความสูง 1,976 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร และระยะต่ำสุดจากพื้น 224 มิลลิเมตร
ภายในแน่นอนว่ามีให้เลือกทั้งแบบห้าที่นั่งที่มีพ้นที่วางของมากถึง 1,814 ลิตรกรณีพับเบาะหลังแบบ 40/60 แต่ถ้าไม่พับเบาะจะมีพื้นที่ 791 ลิตร พร้อมชุดคอนโซลหน้ามีความโดดเด่นผสมกับความเข้ม พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน มีจอลอยตัวสองฝั่งทั้งจอมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล 12.3 นิ้ว และจอสัมผัสระบบความบันเทิงขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, Bluetooth, ระบบนำทาง, และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า HUD ในชุดเดียวกับช่องแอร์ขนาดใหญ่สองช่องและปุ่มแบบ Piano Touch พร้อมเบรกมือไฟฟ้ากับ Auto Hold ที่วางชาร์จมือถือไร้สาย และคอนโซลเกียร์ยังเป็นก้านโยกไปมาเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิอัตโนมัติสี่โซน
ขุมพลังจะมีทั้งเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร GDIT รหัส GW4C20B 224 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 385 นิวตันเมตรที่ 1,800-3,600 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดจาก ZF กับดีเซลเทอร์โบแปรผัน 2.4 ลิตร รหัส GW4D24 ให้กำลังถึง 184 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 480 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด
ทั้งคู่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Intelligent electronically controlled four-wheel drive (two-speed) + MLOCK พร้อมโหมดการขับขี่เวอร์ชันใหม่ All-Terrain Control ที่เลือกการขับชี่ได้ถึงหกโหมดตั้งแต่โหมด Auto, Snow, Sand, Mud, 4 Low และ ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road (Offroad Cruise Control) จะควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกโดยอัตโนมัติให้รถวิ่งด้วยความเร็วต่ำและความเร็วสม่ำเสมอ จากการควบคุมรถบนสภาพถนนที่ซับซ้อนและดิฟล็อคสามชั้น
ระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Front & Rear Electric Differential Locks) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อนอื่นๆช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) ระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไป จะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้
พร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยมากมาย ให้ทุกการเดินทางปลอดภัยไร้กังวล ได้แก่ ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) ช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (MEB) ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA/ RCTB) ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA) ช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) ช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) ตรวจความดันลมยาง (TPMS)
นอกจากเปิดตัวที่จีนแล้วด้านตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มที่จะเข้าไปขายด้วยเวอร์ชันพวงมาลัยขวาอย่างเช่นออสเตรเลีย รัสเซียในช่วงเดือนพฤษภาคมปีนี้ โซนยุโรปตะวันออกในเดือนสิงหาคม คาดราคาเทียบเท่ารุ่นที่แล้วประมาณ 330,000-450,000 Yuan หรือราว 1,619,000-2,209,000 บาท ทางด้านออสเตรเลียหลังยุติเจนที่แล้วเมื่อปี 2021 และถ้าได้รับการอนุมัติจากจีนจะได้พบกันเมษายนปีหน้า
