งานนี้ GAC Honda ไม่ปล่อยให้ Honda e:NS2 แย่งตลาดไปตัดสินใจชิงตัดหน้าเปิดตัวและประกาศราคาขาย Honda e:NP2 อย่างเป็นทางการ
หล่อล้ำด้วย ไฟ Daytime LED ล้อมกรอบยาวแบบรูปตัว U คว่ำ ประกบด้วยตรา H ในชุดกันชนหน้า ในกรอบมีไฟหน้า LED ซ่อนไว้รับกับชุดกันชนหน้าดีไซน์รูปตัว X ด้านท้ายดีไซน์แยบยลด้วยไฟท้าย LED รูปตัว C คล้าย Honda Civic ในชุดกันชนหลังมีครีบ 5 เส้นแนวยาวทรงสปอร์ตและล้ออัลลอยลวดลายพิเศษ ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/50R18
ด้วยดีไซน์หลังคาที่ลาดลงโดยมาในแบบรถ Fastback 5 ประตูในแนว Coupe SUV ด้วยมิติตัวรถตั้งแต่ความยาว 4,788 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,838 มิลลิเมตร ความสูง 1,570 มิลลิเมตร และฐานล้อ 2,735 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 2,170 กิโลกรัม
ภายในเผยความหรูด้วยโทนสีเข้มดำ-ขาว แผงคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่าย พร้อมมาตรวัดความเร็วแบบจอแนวนอน Built-In ฝังในช่องแอร์แนวยาว มาพร้อมจอสัมผัสระบบความบันเทิงขนาดใหญ่ลอยตัว ขนาด 12.8 นิ้ว 40 มาพร้อมการเชื่อมต่อ Honda Connect 4.0 ลำโพงคุณภาพ BOSE 12 จุด ไฟสร้างบรรยากาศภายใน 10 สี ambient lights
พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน และมีจอแสดงข้อมูลเหนือคอนโซลหน้า HUD ขนาด 11.5 นิ้ว มาให้ ปุ่มเกียร์อัตโนมัติ เบาะนั่งสบาย 5 ที่นั่งพร้อมเบาะหลังพับได้แบบ 60/40 พร้อมพื้นที่ท้ายรถ 506 ลิตรในกรณีไม่พับเบาะ 60/40และน้ำหอมในรถเลือกได้ถึง 6 กลิ่น
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนยกมาจาก Honda e:NS2 ด้วยขุมพลังไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) พร้อมความจุแบตเตอรี่ lithium 68.8 kWh ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้าที่ 4,621-5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 310 นิวตันเมตรที่ 0-4,621 รอบต่อนาที พร้อมโหมดการขับขี่ SPORT / NORMAL / ECON ชช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย Deceleration Paddle Selectors แบบ Paddle Shift
วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่ง 500 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC หรือ 545 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC ขับเคลื่อนล้อหน้า ให้ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งชาร์จกระแสตรง DC CCS2 กำลังสูงสุด 78 kW 0-80% ภายใน 46 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC Type 2 กำลังสูงสุด 11 kW 10-80% ภายในเวลา 6.45 ชั่วโมงและระบบความปลอดภัย Honda SENSING
รับกับนโยบายของ Honda ที่ตระหนักความเป็นกลางทางคาร์บอนผ่านผลิตภัณฑ์และกิจกรรมภายในปี 2050 โดยรถ Honda ที่จำหน่ายในจีนหลังปี 2030 จะเน้นทั้ง e:HEV Full Hybrid, e:PHEV Plug In Hybrid และ BEV และภายในปี 2035 จะเน้นขาย BEV ล้วนของจีน ต้้งเป้ายอดขายคิดเป็น 100% และในปี 2040 เน้นขายรถ BEV ทั่วโลกอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการเผยโฉมรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ Honda e:N Series อีก 10 รุ่น ภายในปี 2027 โดยทุกรุ่นจะผลิตที่เมืองจีน
Honda e:NP2 โชว์ตัวที่งาน Auto China 2024 ระหว่างวันที่ 25 เมษายน-4 พฤษภาคม โดยเปิดราคาเริ่ม 189,800 Yuan หรือราว 969,000 บาท