ในที่สุด Honda Freed คอมแพ็คเอ็มพีวีเจเนอเนเรชันที่ 3 ปรับโฉมครั้งใหญ่ในรอบ 8 ปี เปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ญี่ปุ่น
เตรียมที่จะราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการด้วยหน้าตาใหม่หมดดีไซน์ที่แปลกตาพร้อมกระจกบานใหญ่ตลอดทั้งคันเพื่อทัศนวิสับการมองเห็นที่ชัดเจนรวมกระจกหูช้างบานเล็กในกระจกคู่หน้าพร้อมกระจกมองข้างทรงสปูน ประตูสไลด์สองข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้ารวมถึงฝาท้ายดีไซน์เรียบง่ายชุดไฟหน้ารมดำมาแบบ LED พร้อมไฟ DRL แบบ LED อยู่ส่วนบนของชุดโคมไฟหน้านอกจากไฟ DRL ยังเป็นไฟเลี้ยวในตัว และไฟท้ายรมดำแบบ LED เข้มสะดุดตา ล้อมาแบบอัลลอยและกระทะล้อพร้อมฝาครอบล้อขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/65R15
ยังแบ่งเป็น 2 แบบ 2 สไตล์ ถ้าชอบเรียบๆก็ต้อง Honda Freed AIR ถึงจะเรียบแต่มีเสน่ห์ด้วยกระจังหน้า สีดำเข้มพร้อมคิ้วโครเมียมติดตราตัวเอช ขอบสีน้ำเงินเพื่อสื่อถึงว่าคันนี้เป็นฟูลไฮบริดในชุดกันชนหน้าดีไซน์แปลกด้วยช่องระบายอากาศสองจุดพร้อมล้ออัลลอยลายทูโทน 7 ก้าน ขนาด 15 นิ้ว
ด้าน Honda Freed CROSSTAR สายลุยทรงเท่ด้วยกระจังหน้าสีเงินทรงทึบ ชุดกันชนหน้าเสริมการ์ดสีดำในกรอบตกแต่งสีเงินพร้อมชุดไฟตัดหมอกหน้า LED ด้านข้างเท่ด้วยราวหลังคาทรงบิ๊วอินน์ กระจกมองข้างทรงสปูนและที่เปิดประตูรถสีเงิน คิ้วขอบล้อขนาดใหญ่ กันชนท้ายสีทูโทนขอบสีดำและตรงกลางสีเงิน มีปุ่ม และล้ออัลลอยสำหรับสายลุยขนาด 15 นิ้ว
ตัวรถใหญ่ขึ้นตั้งแต่ ความยาว 4,310 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,695-1,720 มิลลิเมตร ความสูง 1,755-1,780 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,740 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,460-1,580 กิโลกรัม และความจุถังน้ำมัน 42 กับ 53 ลิตร
ภายในใหม่หมดตกแต่งตามสไตล์ ด้วยโทนสีเบจเทาและสีเทาดำ ในรุ่น AIR และรุ่น CROSSTAR มาในโทนสีดำเข้ม พร้อมห้องโดยสารที่มาทั้งแบบ 2 ตอน 5 ที่นั่ง และแบบ 3 ตอนทั้ง 6 กับ 7 ที่นั่ง ที่สามรถปรับพับเบาะเพิ่มพื้นที่ในการขนของมากขึ้นโดยเบาะตอนที่ 3 ยังพับแบบ 50/50 แขวนบนเสา C และ D สำหรับตอนที่ 2 มาทั้งแบบ 3 ที่นั่งมีที่พักแขนในตัว และ 2 ที่นั่งแบบ Captain Seat พร้อมที่ท้าวแขนสองฝั่ง สามารถปรับเลื่อนได้ ชุดเบาะนั่งทั้งแบบผ้ากันน้ำหกและหุ้มกึ่งหนังแท้ให้เลือก พิเศษในรุ่น CROSSTAR มีแผ่นสีเงินติดตั้งแผงภายในบริเวณเสา C และ D กันสัมภาระเสียหาย
คอนโซลหน้ารูปตัวทีใหม่หมดใช้งานง่ายมีช่องวางแก้วและวางของจุกจิกหลายจุดรอบๆแผงพร้อมวัสดุหุ้มผ้าในชุดแผง รวมถึงชุดแผงประตู มาตรวัดดิจิทัลจอสี LCD 7 นิ้ว บนคอนโซลหน้า ชุดจอสัมผัสขนาดใหญ่ 11.4 นิ้วรองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย พร้อมระบบนำทางในจอและ Honda Connect เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมช่องแอร์บนหลังคา คอนโซลเกียร์พร้อมสวิตช์แอร์ เบรกมือไฟฟ้าพร้อม AUTO HOLD ในแผงเดียวกัน ช่องเสียบ USB ม่านบังแดดประตูข้างสองข้าง ปุ่ม Push Start และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสองก้านหุ้มหนัง
ขุมพลังยกมาจากเจนที่แล้วเน้นทำตลาดเบนซินไฮบริด e:HEV ด้วยรหัส LEB-H5 ขนาด 1.5 ลิตร ทำงานด้วยระบบ Atkinson cycle พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ e-CVT โดยให้กำลังภาคเครื่องยนต์ 106 แรงม้า ที่ 6,000-6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 127 นิวตันเมตรที่ 4,500-5,000 รอบต่อนาที คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบชุดแม่เหล็กแบบนีโมเดี้ยม แทนแร่โลหะหนัก Rare Earth ให้กำลัง 29.5 แรงม้าที่ 1,313-2,000 รอบต่อนาที แรงบิด 160 นิวตันเมตรที่ 0-1,313 รอบต่อนาที และระบบแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion battery พร้อมให้กำลังรวมสูงถึง 123 แรงม้าที่ 3,500-8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 253 นิวตันเมตรที่ 0-3,000 รอบต่อนาที เลือกได้ทั้งแบบ ขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ
และยังมีเบนซิน i-VTEC 1.5 ลิตร รหัส L15D ให้กำลัง 118 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 4,300 รอบต่อนาทีคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT เลือกได้ทั้งแบบ ขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ
พร้อมความปลอดภัยขั้นเทพ Honda Sensing เพิ่มออปชันใหม่ทั้ง ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ Traffic Jam Assist (TJA) ช่วยเบรกระยะสั้น Short-distance collision mitigation brake ควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control (ACC) ปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto high beam (AHB) สัญญาณกะระยะการจอด Parking sensor system ป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดพลาด Sudden Acceleration Suppression Function ไฟหน้าอัจฉริยะช่วยปรับไฟสูง-ต่ำแบบแยกอิสระซ้าย-ขวาโดยอัตโนมัติ มีรถกำลังสวนทางมาหรือมีรถยนต์ด้านหน้า Adaptive Driving Beam (ADB) เตือนเมื่อมีรถขณะเปิดประตู Backward exit support และตรวจสอบจุดอับสายตา Blind Spot Monitor (BSM)
พร้อมออปชันอื่นๆทั้ง เตือนการชนด้านหน้ากับตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์ Collision Mitigation Braking System (CMBS) ป้องกันการเหยียบคันเร่งโดยไม่ตั้งใจขณะเดินหน้า Erroneous start suppression function ป้องกันเหยียบคันเร่งผิดพลาดเมื่อขณะถอยหลัง Erroneous rear start suppression function ช่วยหักเลี้ยวเพื่อหลบคนเดินถนน Pedestrian accident reduction steering Road departure prevention function
เตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System (RDM) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System (LKAS) เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ Leading vehicle start notification function จดจำสัญญาณ Sign recognition function และควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC)
Honda Freed เจนใหม่ขายทั้งหมด 18 รุ่นย่อย 3 เกรดความหรูเริ่มที่รุ่น Air Air EX และ Crosstar เริ่มต้น 2,508,000-3,087,700 Yen หรือราว 575,000-709,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย แต่ถ้านำเข้ามาขายราคารวมภาษีจะอยู่ที่ 1,655,000-2,039,000 บาท
ที่มา Carwatch