ถึงแม้สถานการณ์ตลาดรถปิกอัพในไทยดูไม่ค่อยสู้ดีนักแต่ ISUZU D-MAX ยังสร้างยอดขายอันดับ 1 ชนิดเหนียวแน่นมาตลอด
ด้วยตัวเลขยอดขาย 8 เดือนที่ผ่านมาเป็นอันดับ 1 ด้วยตัวเลข 83,654 คัน ลดลง 29.5% ส่วนแบ่งตลาด 44.1% จากตัวเลขของกลุ่มยอดขายปิกอัพทุกยี่ห้อ 8 เดือนทำได้ 189,555 คัน ลดลง 26.8% และตลอดปีที่ผ่านมาทำยอดขายดีถึง 175,425 คัน เพิ่มขึ้น 16.4% ส่วนแบ่งตลาด 45.2% จากตัวเลขกลุ่มยอดขายรถปิกอัพตลอดปีทำได้ 388,298 คัน เพิ่มขึ้น 13.7% พิสูจน์ความเป็นเจ้าตลาดในไทย ISUZU D-MAX เจเนอเรชันที่ 3 เปิดตัวในไทยเมื่อ 9 ตุลาคม 2019 ขายจริง 19 ตุลาคม ปีเดียวกัน ด้วยอายุเกือบ 4 ปีจึงสมควรแก่เวลา ล่าสุดทางตรีเพชรอีซูซุเซลส์ส่งเทียบเชิญมายังทีมงาน Car2Day ว่าเตรียมที่จะเปิดตัว ISUZU D-MAX ปี 2024 ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ในรอบ 4 ปี ปรับหน้าตาใหม่ทั้งด้านหน้าด้านหลัง ภายใน และออปชัน
ถึงจะปรับหน้าตาแต่ออปชันประจำรถยังคงเดิมทั้งไฟหน้า Bi-LED ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Multifunctional Daylight แบบ Built-in พร้อมเป็นไฟหรี่ในเวลากลางคืนในโคมเดียวกัน กระจังหน้าทรงเขี้ยวสองชั้น ไฟตัดหมอกหน้า LED ไฟท้ายแบบ Dual-Sonic LED กระทะล้อขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 215/70R15 กระทะล้อขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 205R16C ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 215/70R16 ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 255/65R17 ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 รุ่น V-Cross เกรด M มาพร้อมออปชันหล่อทั้งการ์ดเสริมกันชนหน้า ชุดแต่งรอบคันที่กระจกมองข้าง ราวหลังคา มือจับประตู บันไดข้าง คิ้วขอบล้อ Fender Lip คิ้วเสริมขอบกระบะท้าย Robust Extender พร้อมไลเนอร์ปูกระบะจากโรงงาน ครบครันความเข้มอย่างเต็มรูปแบบ
ภายในลุ้นกันว่าออปชันที่อยากให้มาจะมาด้วยหรือไม่ทั้งที่ชาร์จมือถือไร้สาย เบรกมือไฟฟ้ากับ Auto Hold และระบบนำทางในตัวจอสัมผัสพร้อมแผนที่แบบลูกศรในจอมาตรวัดเรืองแสงจะกลับมาหรือไม่ ออปชันเดิมแต่มีการปรับใหม่ทั้งเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางและเทคโนโลยี COOLMAX ลดการสะสมความร้อน คอนโซลหน้าสีดำ ระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบ ISUZU Ultimate Entertainment ขนาดใหญ่ที่อาจให้ากกว่า 9 นิ้ว คมชัดระดับ HD รองรับระบบ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto ระบบเสียงรอบทิศทาง 8 ลำโพง มาตรวัดเรืองแสงพร้อม Smart MID ขนาดใหญ่ แผงควบคุมระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ปุ่ม Push Start พร้อมกุญแจแบบ Keyless Entry พร้อมฟังก์ชัน Remote Engine Start สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจรีโมทในระยะ 20 เมตร
ขุมพลังต้องมาลุ้นกันว่ายังใช้ขุมพลังเดิมทั้งดีเซลเทอร์โบแปรผันไฟฟ้า E-VGS Turbo รุ่น 4JJ3-TCX ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูง 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที และดีเซลเทอร์โบแปรผัน VGS ขนาด 1.9 ลิตร รุ่น RZ4E-TC GEN2 ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อม Genius Sport Shift เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Rev Tronic เลือกได้ทั้งแบบขับเคลื่อนสองล้อมาตฐาน ขับเคลื่อนสองล้อยกสูง และขับเคลื่อนสี่ล้อ Part-Time Terrain Command
พร้อมความปลอดภัยลุ้นกันว่าจะได้กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศาหรือไม่ ความปลอดภัย ADAS ทำงานด้วยกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera แม่นยำกว่ากล้องเดี่ยวแบบ Mono Camera ทั่วไป ตรวจจับเส้นถนนและวัตถุด้านหน้ารถแบบ Real Time พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน ประกอบด้วยฟังก์ชันความปลอดภัยทั้ง ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go, เตือนการชนด้านหน้าอัตโนมัติ FCW Front Forward Collision Warning, หยุดรถอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Brake),
เตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDWS (Lane Departure Warning System), ช่วยเบรกฉุกเฉินขณะกำลังเลี้ยว TA (Turn Assist), ควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Automatic High Beam), เบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน MCB (Multi-Collision Brake), ตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง MSL (Manual Speed Limiter)และ ตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM (Pedal Misapplication Mitigation)
หรือจะเป็นขุมพลังใหม่ตามกระแสโลกโซเชียลที่ลือกันว่าจะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.2 ลิตร แทนขนาด 1.9 ลิตร มาพร้อมกับขนาด 3.0 ลิตรพ่วง Mild Hybrid ต้อนรับการมาของกฎเข้มงวดไอเสีย EURO5 ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2024 ต้องติดตามกันวันที่ 6 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นงานเปิดตัวรอบสื่อมวลชนและจะขายจริงช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้
