หลังจากเปิดตัว ISUZU FRR EURO 5 หนึ่งในรุ่นใหม่จาก ISUZU KING OF TRUCKS EURO 5 MAX ขีดสุดทุกมิติขนส่ง ล่าสุดกับ 10 ล้อรุ่นใหญ่มาครบทุกรุ่น
ตั้งแต่ 10 ล้อสองเพลา (6×4) ทั้ง ISUZU GXZ EURO 5, ISUZU FXZ EURO 5, ISUZU FVZ EURO 5, ISUZU FVM EURO 5 10 ล้อเพลาเดียว (6×2) และ ISUZU FYH EURO 5 12 ล้อ (8×4) ภายนอกคงเดิมแต่เปลี่ยนสติ๊กเกอร์ใหม่เป็น EURO5 MAX ใต้โลโก้ชื่อรุ่นด้านหน้า กระจังหน้าโครเมี่ยมดีไซน์หรูพร้อมสัญลักษณ์ ISUZU ขนาดใหญ่ในรุ่น GXZ, FXZ, FYH และสีเงิน MATTE SILVER เสริมความเท่เต็มพิกัดในรุ่น FVZ และ FVM ลงตัวด้วยหัวเก๋งมีปอยเลอร์ในตัวลู่ลม แถมยังยกหัวเก๋งได้ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบล็อกหัวเก๋ง 2 จุด (Double Lock) และสัญญาณเตือนล็อกหัวเก๋งเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้นในรุ่น GXZ, FXZ, FYH ชุดไฟหน้าและไฟตัดหมอก ISUZU LED TECH พร้อม Leveling Switch ปรับระดับ สูง-ต่ำ เท่ สะดุดตา สว่างในทุกเส้นทางในรุ่น GXZ, FXZ, FYH ชุดไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์พร้อมไฟตัดหมอกหน้าในรุ่น FVZ และ FVM
ชุดสายไฟสายลมหลังเก๋งในรุ่น GXZ เสริมความเท่เต็มพิกัดด้วยล้อขนาดใหญ่สีเงิน 7.50 ขอบ 22.5 นิ้ว นอตล้อ 10 ตัว พร้อมยางเรเดียลไม่มียางใน ขนาด 11R22.5-16 PR ในรุ่น GXZ,FYH, FVM, FVM IESC FVM-S, ล้อขนาดใหญ่สีเงิน 8.25 ขอบ 22.5 นิ้ว นอตล้อ 10 ตัว พร้อมยางเรเดียลไม่มียางในขนาด 295/80R22.5-18PR ในรุ่น FXZ ล้อขนาดเดียวกันกับยางเรเดียลไม่มียางใน 11R22.5-16PR ในรุ่น FVZ-S และรุ่น FVZ ล้อขนาดใหญ่สีดำ 7.50 ขอบ 20 นิ้ว นอตล้อ 10 ตัว พร้อมยางเรเดียลแบบไม่มียางใน 11.00R20-16PR และความจุถังน้ำมัน 200-370 ลิตร
ภายในปรับใหม่ด้วยมาตรวัดความเร็วพร้อมจออเนกประสงค์ MID สามารถดูขัอมูลตัวรถ สะดวกสบายในการใช้งานไฟในห้องโดยสารขนาดใหญ่แบบ LED เพิ่มความสว่างสะดวกสบาย USB Charger สะดวกสบายยิ่งกว่าพร้อมความทันสมัยเดิมด้วยแผงคอนโซลด้านหน้าสีเข้ม คอนโซลกลางจัดวางตำแหน่งพร้อมทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน เบาะนั่งคนขับแบบถุงลม Air Suspension Driver Seat ปรับความนุ่มนวลตามน้ำหนักของคนขับ ลดความเมื่อยล้าพร้อมกระจกไฟฟ้าเซ็นทรัลล็อก พวงมาลัยดีไซน์กระชับมือ ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง พร้อมถุงลมนิรภัย เครื่องปรับอากาศสมบูรณ์ Full Mode Control ปรับหมุนเวียนอากาศได้ 2 แบบ 6 ทิศทาง เครื่องวิทยุ 1 DIN
เครื่องยนต์ดีเซลซูเปอร์คอมมอนเรลพัฒนาใหม่ด้วยเทอร์โบแปรผัน VGS Turbo ทรงพลังให้สมรรถนะยอดเยี่ยมทั้งด้านกำลังและการประหยัดน้ำมันผ่านมาตรฐาน EURO5 ถึง 3 ทางเลือกเริ่มที่เครื่องยนต์รุ่น 6UZ1E5CC ขนาด 9.8 ลิตร ขนาด 9,839 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 349 แรงม้าที่ 2,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 1,422 นิวตันเมตรที่ 1,400 รอบต่อนาที (เดิม 360 แรงม้า) เครื่องยนต์รุ่น 6NX1E5RC ขนาด 7.8 ลิตร ขนาด 7,790 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 280 แรงม้าที่ 2,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 820 นิวตันเมตรที่ 1,450 รอบต่อนาที (เดิม 300 แรงม้า แรงบิด 980 นิวตันเมตร) และเครื่องยนต์รุ่น 6HK1E5NR ขนาด 7.8 ลิตร ขนาด 7,790 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 240 แรงม้าที่ 2,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 706 นิวตันเมตรที่ 1,450 รอบต่อนาที
พร้อมเทคโนโลยีตัวกรองเขม่าไอเสียในเครื่องยนต์ดีเซล DOC (Diesel Oxidation Catalyst) ลดเขม่าและฝุ่นขนาดเล็กจากการเผาไหม้จากเดิมจะมี แคทาลิติก คอนเวอร์เตอร์ สามารถรักษาสมรรถนะรถ ประสิทธิภาพการใช้งานอันยอดเยี่ยม และยังสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นโดยไม่เติมน้ำยาบำบัดไอเสียในเครื่องยนต์ดีเซล เช่น AdBlue ต่างกับเทคโนโลยีบำบัดไอเสียอื่นๆ ที่ต้องเติมน้ำยาบำบัดไอเสีย เช่น AdBlue ตลอดการใช้งาน เป็นการเพิ่มภาระและค่าใช้จ่ายแก่ผู้ใช้รถ
ติดตั้งระบบส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 9 สปีดจาก ZF รุ่น 9S-1310TO ในรุ่น GXZ รุ่น FYH, FXZ ในรหัสรุ่น 9S-1315TO รุ่น FVZ ออกแบบโดยเฉพาะ ให้กำลังฉุดลากแรงต่อเนื่อง เข้าเกียร์ง่าย เบาแรง ช่วยให้การขับทางไกลไม่เหนื่อยล้าส่วนรุ่น FVM 280 ติดตั้งเกียร์ธรรมดา 9 สปีด จากค่าย ETON รุ่น ES11109 และรุ่น FVM 240 มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีดใหม่ค่าย ETON รุ่น ES9306A แบบซิงโครเมซตั้งแต่เกียร์ 1-6 เข้าเกียร์ง่าย เกียร์สุดท้ายแบบไดเร็คไดร์ฟแข็งแกร่ง ทนทาน ให้กำลังฉุดลากดีเยี่ยม
พิเศษในรุ่น FXZ และ FYH แชสซีส์ขนาดใหญ่ 320 มิลลิเมตร แข็งแกร่ง ทนทาน พร้อมลุยงานบรรทุกหนักและเพิ่มตำแหน่งรูแชสซีส์จากโรงงานรองรับการบรรทุกได้มากขึ้น บนพื้นฐานช่วงล่างที่ด้านหน้ากระจายน้ำหนักได้ดีและด้านหลังแบบแหนบ พร้อมระบบรองรับหัวเก๋งแบบลอยตัว (Full-floating) ในรุ่น GXZ, FXZ และ FYH รุ่น FVZ กับ FVM ช่วงล่างด้านหน้ากระจายน้ำหนักได้ดีขึ้น ด้านหลังแบบแหนบและแขนรับแรงบิดรูปตัว V (V-type Torque Rod) ลดการสั่นสะเทือน และเพลาหน้าดีไซน์ใหม่ ออกแบบให้มีตำแหน่งสูงขึ้น เพลาหามแหนบขนาดใหญ่ และแชสซีส์แบบเรียบขนาดใหญ่ไร้หัวรีเวท (Rivetless Chassis)
เบรกช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกในสภาพการจราจรคับคั่งในเมือง และทางลาดชันยาวๆ เบรกแบบลมล้วน (Full Air Brake) พร้อมระบบปรับระยะห่างผ้าเบรกอัตโนมัติ (Auto Adjust Brake) พร้อมระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ABS (Anti-lock Brake System)ในรุ่น GXZ โครงสร้างหัวเก๋งแบบประกบปิด (Closed Section) และประตูเสริมคานเหล็กคู่ (Dual-sided Door Beam)
ในรุ่น FVM IESC ติดตั้งระบบควบคุมการทรงตัวอัจฉริยะ IESC (ISUZU Electronic Stability Control)เพิ่มเสถียรภาพ และควบคุมการทรงตัวในขณะขับขี่โดยอัตโนมัติด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเกิดจากการทำงานร่วมกัน 4 ระบบ คือ ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะออกตัวหรือเร่งความเร็ว ASR (Anti-slip Regulator), ระบบป้องกันการพลิกคว่ำและลื่นไถลขณะเข้าโค้ง ESC (Electronic Stability Control), ระบบเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBS (Electronic Brake System) และ ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ABS (Anti-lock Brake System)
เสริมความมั่นใจขั้นสุด! ด้วยการรับประกัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางยังมอบความเชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นส์ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่สนับสนุนลูกค้าตลอดการใช้งานอย่างครบวงจร กับ “ISUZU Life Cycle Solutions” ที่พร้อมเคียงคู่ผู้ประกอบการ เพื่อให้ได้รถบรรทุกที่คุ้มค่า ตอบโจทย์การใช้งาน เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจลูกค้าในการให้คำแนะนำด้วยหลักสูตรอบรมต่างๆ ที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานงานขนส่ง เพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน
พร้อม “TELETEC” เทคโนโลยี GPS อัจฉริยะเพื่อโลจิสติกส์ยุคใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยให้ผู้ประกอบการวิเคราะห์ วางแผนในการลดต้นทุนได้อย่างดีเยี่ยม ตลอดจนด้านบริการหลังการขาย หมดกังวลทุกปัญหาการซ่อมบํารุง โดยทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมอุปกรณ์ที่ทันสมัยด้านบริการหลังการขาย และอะไหล่ในราคาประหยัด ให้ผู้ประกอบการใช้รถได้อย่างมั่นใจ…ลดต้นทุน เพิ่มกำไร ตลอดการใช้งาน สามารถสัมผัสตัวจริง ISUZU GXZ/FXZ/FYH/FVZ และ FVM EURO 5 MAX ได้แล้วที่โชว์รูม ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม โดยราคาดังกล่าวเป็นราคาเฉพาะหัวเก๋งและแชสซีส์ (ไม่รวมชุดเทเลเทคเพิ่มจากเดิม 12,840 บาท) ดังนี้
- รุ่น GXZ มี 2 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 3,630,000-3,700,000 บาท
- รุ่น FXZ มี 2 รุ่นย่อย ราคาเดียวกัน 3,560,000 บาท
- รุ่น FYH ราคา 3,830,000 บาท
- รุ่น FVZ มี 2 รุ่นย่อย ราคา 2,962,000-3,127,000 บาท
- รุ่น FVM มี 8 รุ่นย่อย ราคา 2,782,000-3,042,000 บาท
