ในขณะที่เมืองไทยยังคงขาย MG Extender ต่อไปแม้ไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรถึงแม้ยอดขายกระบะติดลบทุกค่ายแต่ออสเตรเลียมีการปรับแล้วใน LDV T60 MAX Plus
ทางเลือกใหม่ของกระบะพันธุ์ยักษ์ด้วยชุดแต่งรอบคันตั้งแต่จากโรงงานตกแต่งด้วยโทนเข้มตั้งแต่ชุดกระจังหน้าติดตราโลโก้ขนาดใหญ่ในชุดกันชนหน้าขึ้นรูปพร้อมการ์ดเสริมรับกับกระจังหน้า ราวหลังคา กระจกมองข้าง ที่เปิดประตู คิ้วชายล่างประตู บันไดข้าง คิ้วขอบล้อทรงใหญ่ ตกแต่งสีดำล้วน
ด้านท้ายกลมกลืนด้วยแผงครอบกระบะท้ายดีไซน์เท่สีดำตกแต่งด้วยทับทิมแนวยาวต่อเนื่องพร้อมปักตัวอักษร T60 MAX กันชนหลังและสปอร์ตบาร์สีดำ และล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 265/60R18 บนออปชันเดิมทั้งชุดไฟ LED เริ่มที่ไฟ LED Daytime แบบ Dual พร้อมไฟเลี้ยวในตัว ไฟหน้า LED ทรงแนวตั้ง ทั้งสองข้างที่รวมทั้งไฟต่ำ ไฟสูงในชุดเดียวกันด้านข้าง ไฟท้ายแบบ LED รูปตัว C
มาในร่างสี่ประตูตั้งแต่ตั้งแต่ ความยาว 5,395 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,900 มิลลิเมตร ความสูง 1,819 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,175 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 220 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 2,210-2,220 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 73 ลิตร โดยงานนี้ความกว้างเด่นสุดกว่าใคร และมิติกระบะภายในความยาว 1,525 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,510 มิลลิเมตร ความสูง 530 มิลลิเมตร ลุยน้ำได้ 550 มิลลิเมตร
ภายในแปลกตาจากรุ่นปกติรวมถึง MG Extender เวอร์ชันไทยตั้งแต่แผงคอนโซลหน้าใหม่หมดมาพร้อมจอคู่ลอยตัวประกอบด้วยชุดมาตรวัดความเร็วดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และจอสัมผัสตรงกลางขนาด 12.3 นิ้วพร้อมระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบ รองรับ Apple CarPlay, Android Auto และ Bluetooth พร้อมลำโพง 6 จุด พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน หุ้มหนังเดินด้ายแดงพร้อม Paddle Shift
เกียร์อัตโนมัติย้ายมาอยู่คอพวงมาลัยหรือเรียกว่าเกียร์คอฝั่งขวา พร้อมที่ชาร์จมือถือไร้สาย ตกแต่งแผงคอนโซลหน้าหุ้มหนังสัมผัสสีดำเดินด้ายแดง เบรกมือหันมาใช้แบบไฟฟ้าพร้อม Auto Hold มีช่อง USB 3 จุด ปุ่มการทำงานระบบ 4WD เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทาง
ขุมพลังที่ใช้ประจำการเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร แรงสุด 218 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,400 รอบต่อนาที มาตรฐาน EURO5 ให้แรงดันคอมมอนเรลมากถึง 2000 บาร์ จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดจาก ZF
เพิ่มพลังลุยด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-Time with Terrain Selection 4WD พร้อมระบบล็อกเฟืองท้าย electronic differential lock (EDL) พร้อมช่วงล่างหลังแบบคอยล์สปริงและพวงมาลัยไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering)
ความปลอดภัยมีดิสก์เบรก 4 ล้อ ป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Braking System) ช่วยเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ช่วยกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) ควบคุมการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamics Control) ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
ตรวจสอบความผิดปดติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descend Control System) กุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ทั้งช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning System)และที่ให้มากกว่าไทยทั้ง เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking) ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist) ลดความเสี่ยงที่จะทำให้พลิกคว่ำ RMI (Roll Movement Intervention)
LDV T60 MAX Plus ทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ทั้งรุ่น MAX Plus และรุ่น MAX Plus Mega Tub ในราคาเริ่มต้นรวมค่า drive-away for ABN-holders ของออสเตรเลีย $45,990 – $49,490 หรือราว 1,125,000 – 1,209,000 บาท (ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย)
ที่มา Carexpert