ประสบความสำเร็จจากการแนะนำ Lexus LM 350h เจนที่สองเมื่อช่วงปีกลายจนได้รับการตอบรับอย่างดีล่าสุดเปิดทางเลือกใหม่ด้วย LEXUS LM 500h
LEXUS LM 500h ยานยนต์ Luxury Van ที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้นำพร้อมที่จะพาไปสู่ทุกความสำเร็จมาพร้อมรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์
ภายนอกสง่างาม และทันสมัย ด้วยแนวทางการออกแบบภายนอก “Dignified Elegancy” เริ่มจากกระจังหน้ารูปแบบ “Lexus’s Resolute Look” ที่นำมาออกแบบให้เป็น “Unified Spindle” พร้อมไฟหน้าที่เฉียบคม ทันสมัย แบบ 3 LED โปรไฟล์ด้านข้างตัวรถที่ยาวขึ้น สะท้อนการออกแบบที่เน้นความสบายของห้องโดยสารตอนหลังเป็นอันดับแรก
ไฟท้าย L-Signature Light Bar ขนาดใหญ่ แบบ LED เสริมรูปลักษณ์ที่ทรงพลัง สปอยเลอร์หลังออกแบบเนียนเรียบและชุดกันชนหลังพร้อมคิ้วสเกิร์ตในตัวกระจก Acoustic Glass บนทุกส่วนของ LM ไม่ว่าจะเป็นกระจกหน้ารถ ทั้งส่วนหน้า ประตูหน้า หรือประตูเลื่อน ถูกติดตั้งกระจกกันเสียงเพื่อลดเสียงรบกวน และล้ออัลลอยใหญ่สุด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/55R19
สร้างจากแพลตฟอร์ม TNGA-K ในรหัส AW10 ตั้งแต่ความยาว 5,125 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,890 มิลลิเมตร ความสูง 1,940 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถเพิ่มขึ้นเป็น 2,445-2,475 กิโลกรัม และความจุถังน้ำมัน 60 ลิตร
โดดเด่นด้วยความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารระดับเฟิสต์คลาส สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ต้องการห้องโดยสารที่มีความสะดวกสบาย พร้อมความประณีต และพิถีพิถันในการผลิตสูงสุด ภายใต้แนวคิด “Making Luxury Personal” หรือ “การทำให้ความหรูหราเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล” เราได้ยกระดับของความหรูหราขึ้นไปอีกขั้น เพื่อให้มั่นใจว่าทุกวินาทีที่อยู่ภายในห้องโดยสารจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีใครเทียบ
ห้องโดยสารภายในที่หรูหราประณีต ด้วยการออกแบบที่ยกเอาห้องนั่งเล่น และห้องทำงานมาไว้ด้วยกัน ให้ความรู้สึกสงบ และสะดวกสบายสูงสุด ทั้งในรุ่น 4 และ 6 ที่นั่ง ให้ความสำคัญกับทุกๆ ตำแหน่งของเบาะนั่งรวมถึงตำแหน่งผู้ขับตามหลักแนวคิด TAZUNA ให้ตำแหน่งของผู้ขับขี่อยู่บริเวณกึ่งกลาง วางทุกอย่างให้โอบล้อมผู้ขับ สามารถเอื้อมใช้งานได้สะดวกไม่ต้องละสายตาจากถนน
ห้องโดยสารระดับเฟิสต์คลาสออกแบบเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษ ด้วยแรงบันดาลใจจากที่นั่งเครื่องบินโดยสารชั้น First class พร้อมผนังกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว กระจกปรับความเข้มแสงอัจฉริยะ หน้าจอขนาดใหญ่ 48 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงชั้นเลิศ “Mark Levinson Reference 3D Surround Sound System” ช่องเก็บของ ช่องแช่เครื่องดื่ม จุดชาร์จไฟ ช่องเก็บของด้านล่างผนังกั้น (สำหรับรถรุ่น 4 ที่นั่ง)
รองรับทุกความต้องการ เบาะนั่งที่ให้ผิวสัมผัสนุ่มนวล พร้อมระบบควบคุมความร้อน / เย็นของเบาะนั่ง ปรับเอนนอนได้ในองศาที่มากขึ้นกว่าเดิม โอบล้อมสรีระ ให้การซัพพอร์ตได้อย่างเหมาะสม ลดแรงสั่นสะเทือนที่มาจากภายนอกรถ พร้อม “Relaxation Function” ระบบนวดที่ทำให้ทุกการเดินทางผ่อนคลาย สะดวกสบายสูงสุด
Personalized Customization ฟังก์ชันปรับแต่งเฉพาะ ความหรูหราที่ตอบสนองทุกรสนิยมส่วนบุคคล พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการที่หลากหลาย อาทิ Personalized Screen สามารถแยกการนำเสนอเนื้อหาแต่ละบุคคล
พร้อมระบบเครื่องเสียงแบบ “2-Zone Audio System” ซึ่งจะแยกระบบเสียงด้านหน้าคนขับ และด้านหลัง ทำให้สามารถรับฟังคอนเทนท์ที่แตกต่างกันได้โดยไม่มีเสียงรบกวนซึ่งกันและกัน การควบคุมฟังก์ชันเฉพาะบุคคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Moon roof หน้าจอ ระบบปรับอากาศแบบแยกโซน สามารถควบคุมได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสจาก “Overhead Control” และ “Removable Touchscreen Rear Controller”
ออปชันประจำรถทั้งมาตรวัดดิจิตอลเต็มรูปแบบขนาด 12.3 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังประดับลายไม้ Bengala จอแสดงผลการสั่งงานขนาด 14 นิ้ว แบบ EMV ระบบสัมผัส รองรับระบบปฏิบัติการ Apple CarPlayTM และ Android Auto เชื่อมต่อไร้สาย ระบบ Lexus Navigation เครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยมรอบทิศทางจาก Mark Levinson หน้าจอ 14 นิ้วติดเพดาน (สำหรับรถรุ่น 6 ที่นั่ง)
ช่องเชื่อมต่อ USB Type-C เครื่องเล่นเพลงแบบพกพา (คอนโซลกลาง) ช่องเชื่อมต่อ USB/ HDMI 2 ช่อง (กล่องคอนโซลกลางระหว่างที่นั่ง, รถรุ่น 4 ที่นั่ง) ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ช่อง (ที่นั่งด้านหลัง, รถรุ่น 4ที่นั่ง) ช่องเชื่อมต่อ HDMI/ช่องจ่ายไฟ (คอนโซลกลางที่นั่งโดยสาร, รถรุ่น 6 ที่นั่ง)
ม่านบังแดดประตูบานเลื่อนแบบไฟฟ้า กล่องคอนโซลกลาง และ ช่องเก็บของด้านหน้าพร้อมฝาปิด กล่องคอนโซลระหว่างเบาะนั่ง ช่องเก็บอุปกรณ์อเนกประสงค์ ขาตั้งร่ม (สำหรับรถรุ่น 4 ที่นั่ง) ที่วางแขนเบาะหลังพร้อมโต๊ะวางของที่ติดตั้งอยู่ในที่วางแขนกระจกแต่งหน้าพร้อมไฟส่องสว่าง (บริเวณที่นั่งด้านหน้า)
กระจกแต่งหน้าพร้อมไฟส่องสว่าง LED (บริเวณที่นั่งแถวที่สอง, รถรุ่น 4 ที่นั่ง) ที่วางแก้ว (บริเวณที่นั่งแถวแรก และแถวที่สอง) ช่องเก็บของข้างประตู (บริเวณประตูด้านหน้า) ช่องวางแก้วน้ำ (บริเวณประตูด้านหน้า ประตูบานเลื่อน และ ที่นั่งด้านหลัง สำหรับรถรุ่น 6 ที่นั่ง) ไฟสร้างบรรยากาศที่มีให้เลือก 50 สี 14 รูปแบบ ปรับแต่งอุณหภูมิแยกอิสระได้ถึง 4 โซน เลือกระดับความสบายได้แบบส่วนตัวสำหรับทั้งผู้โดยสารแถวหน้าและผู้โดยสารแถวหลัง ระบบระบายอากาศด้านหลังปรับองศาได้
ขุมพลังเป็นแบบ HEV-Hybrid ล้วนแต่เวอร์ชันไทยเพิ่มทางเลือกด้วยเบนซินเทอร์โบ Dynamic Force Hybrid D-4ST ขนาด 2.4 ลิตร รหัส T24A-FTS ให้กำลังถึง 271 แรงม้า 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 460 นิวตันเมตรที่ 2,000-3,000 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าหน้าหลังแบบ Permanent Magnet Motor โดยมอเตอร์หน้าให้กำลัง 87 แรงม้า แรงบิด 292 นิวตันเมตร มอเตอร์หลัง 103 แรงม้า แรงบิด 168.5 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Hybrid แบบ Nickel-Metal
ทำงานร่วมกันได้กำลังสูงถึง 371 แรงม้า แรงบิด 406 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่ถึงสามโหมดทั้ง EV, Normal และ ECO ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Direct 4 ให้ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.9 วินาที ประหยัดน้ำมัน 15.2 กิโลเมตรต่อลิตร ผ่านมาตรฐาน EURO 6
พร้อมโหมดการขับขี่ใหม่ “Rear Comfort Mode” ที่ให้ความสบายนุ่มนวลอย่างแตกต่าง ด้วยระบบช่วงล่างที่พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีใหม่ครั้งแรกของโลก “Frequency-sensitivity Piston Valve” ทำงานคู่กับระบบ “Adaptive Variable Suspension” (AVS)
ควบคุมการทรงตัวขณะเบรก “Braking Posture Control” ช่วยป้องกันทั้งการโยนตัวขณะเบรก และป้องกันการโคลงตัวในขณะเข้าโค้ง ลดอาการเวียนศรีษะ ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังเดินทางได้อย่างสะดวกสบายสูงสุด
ความปลอดภัยระดับโลกกับระบบ “Lexus Safety System Plus” ครบครัน ในทุกเกรด นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาระบบตรวจจับระยะด้วยเรดาร์คลื่นมิลลิเมตร และกล้องที่กว้างขึ้น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และเสริมความปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร และผู้ร่วมทางทั้ง ป้องกันก่อนการชน (PCS) Pre-crash safety
ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (DRCC) Dynamic Radar Cruise Control (with all-speed follow function) เตือนออกนอกเลน (LDA) Lane Departure Alert พร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ ช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (LTA) ระบบ Brake Posture Control (Pitch & Roll) ไฟสูงอัจฉริยะ (AHS) และ เตือนมุมอับสายตา
LEXUS LM500h เจเนอเรชันใหม่ ได้ 2 รูปแบบทั้งรุ่น 4 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง พร้อมสีภายนอก และสีภายในที่เป็นเอกลักษณ์ สีภายนอก 4 สี ได้แก่ สีดำ Graphite Glass Flake สีขาว Sonic Quartz สีแดง Sonic Agate สีเงิน Sonic Titanium และสีภายใน 2 สี สีขาว Solis White with Copper สีดำ Black with Dark Grey Accents วัสดุตกแต่งลายไม้ ลายไม้ตกแต่งบริเวณแผงประตูลาย “Yabane” และลายไม้ตกแต่งบริเวณพวงมาลัยลาย “Bengala”
รับประกันคุณภาพ 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง อุ่นใจ มั่นใจกับศูนย์บริการเลกซัส และ Lexus Service Corner พร้อมบริการ Home Visit Mobility Service ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ อุ่นใจกับบริการจาก Lexus Service Corner ในศูนย์บริการ Toyota ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วยมาตรฐานทั้ง 15 แห่ง โดยราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
- LM 500h Executive 6-Seater ราคา 6,990,000 บาท
- LM 500h Executive 4-Seater ราคา 8,290,000 บาท