หลังจากเผยภาพพรางตัววิ่งทดสอบสำหรับ Mazda CX-80 เอสยูวสามแถวที่เตรียมทำตลาดหวังสร้างภาพลักษณ์เน้นความหรูหราตรงใจสาวก
ล่าสุดโลกออนไลน์เผยภาพสิทธิบัตรที่ว่ากันว่านี่คือคันจริง Mazda CX-80 ทุกอย่างทุกส่วนเหมือนกับรุ่น CX-60 ตั้งแต่กระจังหน้าทรงซิกเนเจอร์วิงแนวเข้ม ไฟหน้า Projector แบบ LED กันชนหน้าทรงเท่คล้ายกับ CX-50 ผสมกับ BT-50 ท่อไอเสียคราวนี้มาในแบบท่อไอเสียคู่สองฝั่งซ่อนอยู่ใต้กันชนหลังและช่องลมข้างบังโคลนแบบโครเมียม ชุดบังโคลนพร้อมดีไซน์ออกแบบด้วยชุดรังผึ้งส่วนล่างเป็นคิ้วสีดำปักชื่อ INLINE 6 กระจกมองข้างทรงสปูน ราวหลังคา
จุดสังเกตคือการออกแบบในส่วนของเสา B ไปจนถึงเสา D ออกแบบประตูหลังขยายความยาวออกไปเพื่อความสบายในการเข้าออก กระจกเสา D กรอบโครเมียมมีดีไซน์คล้ายรุ่น CX-90 ไฟท้ายคล้ายรุ่น CX-70 แบบ LED Signature ดีไซน์ยาว ล้ออัลลอยมีทั้งขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 235/60 R18 กับล้อขนาดใหญ่ 20 นิ้ว พร้อมยาง 235/50R20 ตัวรถที่ขยายความยาวเป็น 4,740 มิลลิเมตร ฐานล้อยาวขึ้น 2,870 มิลลิเมตร
ภายในหรูเทียบเท่า Mazda CX-60 ด้วยมาตรวัดดิจิทัล TFT-LCD 12.3 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมระบบ Mazda Connect infotainment รองรับ Apple Car Play ไร้สาย และ Android Auto ผ่านปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander พร้อมลำโพงคุณภาพ BOSE 12 จุด จอแสดงการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า Windshield Active Driving Display ขนาดใหญ่กว่าถึง 3 เท่า ตกแต่งมาแบบโทนสีใสๆ ด้วยโทนสีขาวหรือสีเทาอ่อน สดใส และสีเข้มด้วยการติดตั้งวัสดุคุณภาพสูงไม่ว่าจะเป็นลายไม้เมเบิ้ลหรือ Mable Wood วัสดุหุ้มหนังแท้ Nappa รวมถึงการใช้ผ้าทอแบบญี่ปุ่นและการตกแต่งโครเมียม
ขุมพลังยกมาทั้งหมดตั้งแต่ขุมพลัง e-SKYACTIV Mild Hybrid 48 V ที่มีทั้งดีเซลเทอร์โบ e-SKYACTIV D 3.3 ลิตร 6 สูบ T3-VPTH 254 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิด 550 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,400 รอบต่อนาที และเบนซินเทอร์โบ 6 สูบแถวเรียง e-SKYACTIV Turbocharged 3.3 ลิตร 6 สูบ 284 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 450 นิวตันเมตร 2,000-3,500 รอบต่อนาที ทั้งคู่มีมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 17 แรงม้าที่ 900 รอบต่อนาทีแรงบิด 153 นิวตันเมตรที่ 200 รอบต่อนาที พร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไออนขนาดเล็กสุด 0.33 kWh
ขุมพลังเสียบปลั๊ก Plug In Hybrid e-SKYACTIV PHEV มีเฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.5 ลิตร 4 สูบ PY-VPH 188 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาทีทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 175 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 270 นิวตันเมตรที่ 400 รอบต่อนาที แบตเตอรี่ลิเธียมไออนที่มีความจุ 17.8 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 61-63 กิโลเมตร และทำงานร่วมกันจะได้พลังมากถึง 327 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร
ด้านสันดาปล้วน SKYACTIV มีตั้งแต่ดีเซลล้วนเทอร์โบ 6 สูบแถวเรียง SKYACTIV-D 3.3 ลิตร 6 สูบแถวเรียง V3-VPTS 231 แรงม้าที่ 4,000-4,200 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,500-3,000 รอบต่อนาทีและเบนซินล้วน SKYACTIV-G ขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ รหัส PY-VPS 188 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที
ทุกขนาดขุมพลังจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE 8 สปีด เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อนสี่ล้อ i-ACTIV AWD พร้อมระบบการขับขี่ Mazda Intelligent Drive Select (Mi-Drive) ที่เลือกได้ถึง 5 โหมดได้แก่ Namely Normal, Sport, Off-Road, Towing และ EV มาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการทรงตัวขณะเข้าโค้ง KPC (Kinemetic Posture Control) เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะช่วยให้รถทำงานผสานกันอย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ไม่เพิ่มน้ำหนักให้กับตัวรถ พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ จานเบรกหน้ามีขนาด 347 มิลลิเมตร และด้านหลัง 328 มิลลิเมตร
ความปลอดภัยสุดล้ำ i-ACTIVSENSE อาทิ กล้องรอบคัน 360 องศา 360-degree View Monito, แจ้งเตือนยานพาหนะขณะเปิดประตูรถ Vehicle Exit Warning, ระบบตีความป้ายจราจร Traffic Sign Recognition, ช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance Advanced Smart City Brake Assist with pedestrian and cyclist detection and intersection function, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติสำหรับถอยหลัง Rear Emergency Brake Assist with pedestrian detection, ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist with Steering Assist
ตรวจจับภาวะหลับในขณะขับขี่ยานพาหนะ Drowsiness Detection เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Blind Spot Monitoring เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ i-Adaptive Cruise Control, ออกตัวบนทางลาดชัน Hill Launch Assist และไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน Emergency Stop Signaling System เบื่องต้นคาดว่าจะเปิดตัวภายในปี 2024 เริ่มที่โซนยุโรปและหลังจากนั้นขยายไปยังญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เอเชีย ยกเว้นอเมริกา
ที่มา Carexpert