หลังจากจัดโปรหั่นราคาลดจากเดิมแสนห้าจนขายดีสำหรับ Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic ล่าสุดเปิดตัวรุ่นใหม่นั่นคือรุ่น Night Edition
รุ่นใหม่นี้ว่ากันว่าเป็นการมาแทน Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic รุ่นปกติมาพร้อมการปรับโฉมดีไซน์ใหม่ด้วยการผสานชุดแต่ง AMG เข้ากับชุดแต่ง Night Package รอบคัน ทั้งกระจกมองข้างสีดำเงา กระจังหน้า กันชนหน้า และล้อแม็กซ์รมดำแบบ AMG 5-spoke aerodynamically ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางหน้า 225/45R18 และยางหลัง 245/40R 18 ที่มาเสริมสร้างรูปลักษณ์แห่งความสปอร์ต ดุดัน และเปี่ยมไปด้วยความหรูหราอย่างมีระดับ
ไฟหน้าหันมาใช้แบบ Digital Light พร้อมปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) ปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS-Active Light System) และเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (cornering light) กระจังหน้า diamond-pattern grille เส้นตัดแบ่งเส้นเดียวอันเป็นเอกลักษณ์ ด้านหลังดีไซน์ไฟท้าย LED ที่สวยงามพร้อมกันชนหลังดีไซน์เท่ กรอบท่อไอเสียคู่ 2 ฝั่ง
ไฟส่องทางใต้กระจกมองข้างเป็นรูปตราดาวสามแฉก มีที่เสียบปลั๊กแบบ Type 2 / CCS Combo ฝั่งซ้ายมือของตัวถังด้านหลัง มิติตัวรถมาในตัวถัง W206 ตั้งแต่ความยาว 4,793 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,820 มิลลิเมตร ความสูง 1,442 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,865 มิลลิเมตร และความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร
ภายในแบบ AMG interior package โดดเด่นด้วยหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว บริเวณด้านหน้าของผู้ขับขี่ และหน้าจอเครื่องเล่นขนาด 11.9 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อโลกดิจิทัลได้ทุกช่วงเวลา พร้อมเสริมความสะดวกสบายด้วยการติดตั้งกระจกหน้าต่างแบบ Heat and noise-insulting acoustic glass ช่วยป้องกันรังสีอินฟาเรด และเสียงสะท้อนจากภายนอก ระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL และ MBUX augmented reality for navigation ช่วยให้ผู้ขับขี่ค้นหาสถานที่และนําทางได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ไฟล้อมรอบห้องโดยสาร Ambient Lights 64 สี และฟังก์ชันสุดไฮเทคที่จะเพิ่มความสะดวกสบายและน่าประทับใจในการขับขี่พร้อมลำโพงคุณภาพ Burmester® 3D surround sound system พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มด้วยหนัง พร้อมระบบอุ่นเบาะนั่งคู่หน้า ติดตั้งม่านบังแดด ประตูด้านหลัง ซ้าย-ขวาและม่านบังแดดกระจกบังลมหลัง ปรับด้วยไฟฟ้า
ขุมพลังเป็นเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส M254 ให้กำลังในภาคเครื่องยนต์ 204 แรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูง 320 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวให้กำลัง 129 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร
ส่งกำลังบำรุงด้วยแบตเตอรี่ขนาด 25.4 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด100 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทำความเร็วสูงสุดจากการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering – wheel Gearshift Paddles)
ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้า หากเป็นการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC charger) 10-80% รองรับการชาร์จด้วยกำลังสูงถึง 55 kW จะใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ส่วนการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC charger) จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง รองรับการชาร์จด้วยกำลังสูงถึง 11 kW ซึ่งด้วยความสะดวกในการเลือกใช้งานได้ทั้งสองระบบ ประกอบกับการชาร์จพลังไฟฟ้าด้วยเวลาไม่นาน หากเป็นการขับขี่ภายในเมือง ผู้ใช้สามารถใช้รถยนต์คันนี้ได้อย่างสะดวกสบายด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว พร้อมกันนี้ช่วงล่างอัปเกรดเป็นแบบถุงลมที่ด้านหลัง Air Comfort Suspension และยังมีระบบปรับช่วงล่างอัตโนมัติ หรือ Self-Leveling Suspension
พร้อมความปลอดภัยเต็มคันตั้งแต่ ถุงลมนิรภัยรอบคัน 9 ตำแหน่ง (คู่หน้า 2 ตำแหน่ง, ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง, ม่านนิรภัย 4 ตำแหน่งและหัวเข่าผู้ขับขี่ 1 ตำแหน่ง) เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด (5 ที่นั่ง) โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program) เบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti – lock Braking System) เบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill -Start Assist ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light) ช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) รักษาระดับความเร็ว (Cruise control) และระบบจํากัดความเร็ว (SPEEDTRONIC) เตือนเพื่อนํารถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator)
เตือนแรงดันลมยาง (Tyre pressure loss warning system) ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) ช่วยการนํารถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist with PARKTRONIC) กล้องแสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยรถ (Reversing camera) ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist) แจ้งเตือนยานพาหนะขณะเปิดประตูรถ (Exit Warning Function) แจ้งเตือนสถานะเข็มขัดนิรภัยสําหรับผู้โดยสารตอนหลังและเพิ่มมาอีกสองรายการทั้ง ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) และช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร (Active Lance Keeping Assist)
นอกจากนี้ ยังเพิ่มระบบช่วยในการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติพร้อมกล้อง 360 องศา (Parking package with 360° camera) มาพร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Polar white) สีดำ (Obsidian black) สีเทา (Graphite grey) และสีเงิน (High-tech silver) เปิดจำหน่ายด้วยราคา 3,290,000 บาท