ตลอด 5 ปี ที่ Mercedes-Benz GLE เอสยูวีหรูขนาดกลางได้รับความนิยมทั่วโลกทั้งในรูปแบบเอสยูวีทรงมาตรฐานและทรงคูเป้
ล่าสุดปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 5 ปี ในรหัส W167 และ V167 เจเนอเรชันที่ 4 หน้าใหม่แต่ยังเค้าโครงของเดิมไว้ตั้งแต่กระจังหน้าแนวนอนชั้นเดียวอันโดดเด่นพร้อมตราโลโก้สามห่วง ใหม่ รับกับชุดกันชนหน้าใหม่พร้อมช่องระบายอากาศที่ใหญ่ดูดีกว่า โคมไฟหน้า LED high-performance หรือ MULTIBEAM LED ใหม่ออกแบบเสริมความดุดันให้กับรถได้ ด้านท้ายยังคงเดิมแต่เปลี่ยนในส่วนไฟท้าย LED โคมใหม่ ล้ออัลลอยลายใหม่ตั้งแต่ 20 นิ้วพร้อมยาง 275/50 R20 และขนาด 21 นิ้วพร้อมยางหน้า 275/45 R21 และยางหลัง 315/40 R21
ภายในปรับเปลี่ยนลายพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านใหม่ใช้ทรงเดียว Mercedes-Benz C-Class, CLS, S-Class, CLS รุ่นใหม่ๆ โทนสีภายในใหม่ ลายไม้ใหม่ ตกแต่งสีดำเงาใหม่แต่อย่างอื่นคงเดิมทั้ง ระบบมัลติมีเดีย MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ทั้งจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Digital widescreen cockpit ขนาดใหญ่พิเศษ 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอต่อเนื่องกัน ทั้งมาตรวัดและจอสัมผัสปรับปรุงใหม่ ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple CarPlay™ & Android Auto) ช่อง USB Type C ที่นั่งทุกแถว ควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี (ambient lighting) มาพร้อมกับบริการ ‘Mercedes me connect’ ห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง เก็บสัมภาระด้านหลังยังมีสูงถึง 855 ลิตร และเพิ่มได้สูงถึง 2,055 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่สอง และแถวที่สามลงในรุ่น GLE
ทางด้าน Mercedes-AMG GLE ปรับเช่นกันทั้งกระจังหน้า AMG-specific radiator grille ใหม่ ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ใหม่ หลังคา Panoramic sliding sunroof ล้ออัลลอย AMG แบบ 5 ก้านคู่ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางหน้า 275/45R21 กับยางหลัง 315/40R21 และขนาด 22 นิ้วใหม่ พร้อมยางหน้า 285/40ZR22 และยางหลัง 325/35ZR22 ชุดแต่ง AMG Night package ท่อไอเสียคู่แบบ AMG exhaust system บ่งบอกถึงความโดดเด่นในการออกแบบและเสียงคำรามตามแบบฉบับของรถยนต์ตระกูล AMG และภายในปรับตามรุ่น GLE ปกติ
ขุมพลังเดิมแบบ Mild Hybrid แต่พัฒนาเรี่ยวแรงมากขึ้น ตั้งแต่รุ่น GLE 450 4MATIC เบนซินเทอร์โบ 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง M256 แรงสุด 381 แรงม้าที่ 5,800-6,100 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 1,800-5,000 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ส่วนรุ่น GLE 300 d 4MATIC ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบแถวเรียง OM654 2.0 ลิตร 269 แรงม้าที่ 4,200 รอบ/นาที แรงบิด 550 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,200 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม.
และดีเซลใหญ่สุด GLE 450 d 4MATIC ดีเซลเทอร์โบ 6 สูบแถวเรียง OM656 3.0 ลิตร 367 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 750 นิวตันเมตรที่ 1,350-2,800 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.ทั้งสามความแรงจับคู่กับระบบ Mild Hybrid EQ Boost เสริมกำลังเครื่องยนต์ได้ถึง 20 แรงม้า 200 นิวตันเมตร พร้อมแรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษเป็นตัวกลาง ช่วยประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับระบบเกียร์ช่วยในการเร่งแซงเร้าใจมากขึ้น
ทางด้านเบนซินเสียบปลั๊กก็มีตั้งแต่รุ่นใหม่ GLE 400 e 4MATIC เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง M254 252 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตรในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 136 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวมถึง 381 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 31.2 kWh โดยโหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งไกลสุด 107 กม. ตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
และรุ่น GLE 350 de 4MATIC กับดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร รหัส OM654 พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์และอินเตอร์คูลเลอร์ แรงม้าสูงสุด 197 แรงม้าที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 440 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์ผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชันที่ 3 136 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 333 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 31.2 kWh โดยโหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งไกลสุด 109 กม. ตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
ทุกขนาดความแรงตั้งแต่ Mild Hybrid ไปจนถึง Plug in Hybrid มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC เพิ่มระบบ Torque on Demand กระจายล้อหน้าและหลังแบบอัตรา 0-100 % กระจายล้ออย่างสมดุล ลุยได้ดี เข้าโค้งอย่างมั่นใจมากขึ้น จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC
ส่วน Mercedes-AMG GLE มาครับทั้งรุ่น GLE 53 4MATIC+ พร้อมให้คุณสัมผัสความแข็งแกร่งเหนือระดับ ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 สูบ 3.0 ลิตร M256 พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ มอบพละกำลังสูงสุดถึง 435 แรงม้าที่ 5,800-6,100 รอบ/นาที แรงบิด 560 นิวตันเมตรที่ 2,200-5,800 รอบ/นาที ให้อัตราเร่งที่พุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 5.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. พ่วงด้วย Mild Hybrid ด้วย EQ Boost สามารถเสริมกำลังเครื่องยนต์ได้ถึง 20 แรงม้า 200 นิวตันเมตร พร้อมแรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ มี มอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ
และ GLE 63 S 4MATIC+ เครื่องยนต์เบนซินตัววี 8 สูบ 4.0 ลิตร M177 พร้อมเทอร์โบคู่และอินเตอร์คูลเลอร์ มอบพละกำลังสูงสุดถึง 612 แรงม้าที่ 5,750-6,500 รอบ/นาที แรงบิด 850 นิวตันเมตรที่ 2,500-4,500 รอบ/นาที ให้อัตราเร่งที่พุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 280 กม./ชม.พ่วงด้วย Mild Hybrid ด้วย EQ Boost สามารถเสริมกำลังเครื่องยนต์ได้ถึง 22 แรงม้า 250 นิวตันเมตร พร้อมแรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ มี มอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษทั้งสองความแรงขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-speed Sport transmission พร้อมขับเคลื่อน 4 ล้อที่พร้อมทลายทุกข้อจำกัดในทุกเส้นทางและตอบสนองต่อทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
Mercedes-Benz GLE Facelift และ Mercedes-AMG GLE Facelift ขายพร้อมกันทั่วโลกตั้งแต่ กรกฎาคม นี้ ส่วนในไทยอาจพบกันที่งาน Motor Expo 2023
ที่มา Mercedes-Benz