หลังจากเปิดตัวรุ่น MY2024 สำหรับ Mitsubishi Minicab EV หรือ Mitsubishi L100 EV ที่กลับมาขายญี่ปุ่นอีกครั้งและยังวางแผนขายนอกประเทศญี่ปุ่น
ประเดิมด้วยอินโดนีเซียล่าสุด Mitsubishi Motors ใช้โรงงาน Mitsubishi Motors Krama Yudha ซึ่งมีพนักงานทั้งหมด 3,900 คน กำลังการผลิต 220,000 คันต่อปี โดยเป็นโรงเดียวกับที่ผลิตทั้ง Mitsubishi Pajero Sport, XPANDER, XPANDER Cross, XFORCE และ Colt L300 ประกอบเจ้ารถตู้จิ๋วพลังอีวี ตั้งอยู่ที่ เมืองเบกาซี จังหวัดชวาตะวันตก ห่างจากชายแดนตะวันออกของจาการ์ตาเพียง 37 กิโลเมตร
Mitsubishi L100EV หรือ Mitsubishi Minicab EV ปรับปรุงใหม่ปรับหน้าตาเล็กน้อยกับกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ออกแบบช่องตรงกลางลึกออกไปแบบมีมิติและมาแบบชิ้นเดียวนอกนั้นคงเดิมทั้งประตูแบบสไลด์ 2 ข้าง ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนถ่ายสินค้า กระทะล้อ 12 นิ้ว พร้อมยาง 145/80R12 กระจกมองข้างแนวตั้ง ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์พร้อมระบบควบคุมไฟอัตโนมัติ Auto Light Control ไฟท้ายสีขาวแดงแนวนอนซ่อนในกันชนหลัง
มาในรูปร่างทรงกล่องมีมิติตัวรถยาว 3,395 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,475 มิลลิเมตร ความสูง 1,915 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,390 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 165 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,100–1,130 กิโลกรัม
ภายในมีออปชันจำเป็นทั้ง กระจกมองหลังดีไซน์ใหม่แบบยึดติดกับกระจกบังลมหน้า มาตรวัดแสดงการทำงานความเร็วการขับขี่ กุญแจรีโมต ที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง พร้อมมือจับภายในรถ เครื่องปรับอากาศ Full Mode Control มีช่องเก็บของหลายจุด กระจกไฟฟ้า เซนทรัลล็อกคอนโซลหน้าออกแบบใหม่ในส่วนล่างดีไซน์ปุ่มต่างๆให้ใช้งานง่ายขึ้น เพิ่มออปชันใหม่ปลั๊กไฟเสียบรองรับแรงดันไฟฟ้าสูงสุด AC100V รองรับกำลังไฟสูงสุด 1,500W เสียบใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างสะดวกไว้ที่หลังคอนโซล
พร้อมช่องเสียบ USB ทั้ง Type A และ Type C คอนโซลกลางออกแบบใหม่มีที่วางของข้างคอนโซลเกียร์สามารถวางของกระจุกกระจิกวางมือถือวางได้สะดวกพร้อมที่นั่งคู่หน้า 2 ที่นั่ง พื้นที่เก็บสัมภาระเมื่อพับเบาะผู้โดยสารลงมีความยาว 2,685 มิลลเมตร แผงห้องเก็บสัมภาระด้านหลังเบาะนั่งคู่หน้า สามารถบรรทุกสินค้าได้สูงสุด 350 กิโลกรัม สามารถจุลังกระดาษขนาด 600 x 450 x 600 มิลลิเมตร ได้มากถึง 14 กล่อง
มีช่องเก็บของหลายจุด ติดตั้งนอตอเนกประสงค์ 10 ตัวจัดเรียงได้หลากหลายตามการใช้งาน เสริมการใช้งานเหมือนรถเพื่อการพาณิชย์และมีแบบ 4 ที่นั่งให้เลือก มีพื้นที่ด้านหลัง 935 มิลลิเมตร
ขุมพลังไฟฟ้าพัฒนาใหม่เพิ่มความจุแบตมากกว่าเดิม 25 % ติดตั้งแบตเตอรี่ lithium ion 20.0 kWh เพิ่มระยะทางต่อการชาร์จมากกว่าเดิม 35% เป็น 180 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTC) ให้กำลังมากสุด 42 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตันเมตร รองรับการชาร์จไฟแบบเร็วด้วยหัวชาร์จ DC CHAdeMO ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้สูงสุดถึง 80% ภายในเวลาเพียง 42 นาที
ชาร์จกระแสสลับ AC แบบ Type 1 ประมาณ 7.5 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีระบบคืนพลังงานขณะเบรกที่จะช่วยแปลงพลังงานจากการเบรกเป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ในขณะขับขี่ หรือ Recharge พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASC ถุงลมนิรภัยคู่หน้า เบรก AฺBS ออกตัวบนทางลาดชัน Hill start assist [HSA] สัญญาณกะระยะการจอดรถด้านหลัง
สอคคล้องกับนโยบายของ Mitsubishi Motors ในการสร้างสังคมที่เป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดเล็กที่เพิ่มขึ้นตรงความต้องการในงานด้านเชิงพาณิชย์ เช่น การขนส่ง โลจิสติกส์ ใช้ในหน่วยงาน องค์กร ภาครัฐและเอกชน โดยมีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยจะจำหน่ายที่อินโดนีเซียภายในสิ้นปี 2023 และเมืองไทยจะมีโอกา่สนำมาขายหรือไม่ต้องติดตาม
นอกจากนี้ Mitsubishi Pajero Sport ยังได้เพิ่มไลน์ส่งออกไปยังออสเตรเลียจากฐานผลิตที่อินโดนีเซียเดิมจะมีเพียงโรงงานแหลมฉบัง ชลบุรี ตามยุทธศาสตร์อาเซียน ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
ที่มา Carwatch, Mitsubishi