หลังจากที่ไทยประกาศเปิดตัวรุ่นย่อยระลอกใหม่ของกระบะ Mitsubishi Triton เจเนอเรชันที่ 6 จนสิงห์รถกระบะชาวไทยให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด ออสเตรเลีย เปิดตัวอย่างเป็นทางการโดยเผยสเปกและราคาจำหน่ายโดยจำหน่ายเพียง 6 รุ่นย่อย สี่ประตู Double Cab ด้วยหน้าตาแบบเดียวกับเวอร์ชันไทยสไตล์ BEAST MODE ใหม่หมดตั้งแต่กระโปรงหน้าสู่ด้านข้างตัวถังในสไตล์แนวราบตกแต่งเหนือซุ้มล้อหน้า-หลังระยะโอเวอร์แฮงค์หน้าที่สั้นลงอัปเกรดหล่อด้วยชุดแต่งรอบคันไม่ว่าจะเป็น ชุดกระจังหน้าสีดำเข้มพร้อมตราโลโก้ทรีไดมอนด์สีเงินและตัวอักษร Mitsubishi ขอบกระจังหน้าสไตล์ Dynamic Shield ทั้งแบบสีดำ สีเดียวกับตัวรถ และโครเมียม ไฟหน้า LED 3 ดวงพร้อมไฟ DRL LED 3 ดวงบนขอบฝากระโปรงหน้า ชุดไฟตัดหมอกหน้า LED ที่ทั้งหมดอยู่ในชุดกันชนหน้า และมีไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ให้เลือก ล้อและยางมีให้เลือกทั้งแบบ 17 นิ้ว แบบอัลลอยและกระทะล้อ พร้อมยาง 265/65 R17และล้ออัลลอยสีเข้ม 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 พร้อมชุดแต่งสีดำและโครเมียมทั้งคันตั้งแต่กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ที่เปิดประตู ที่เปิดฝากระบะท้าย สปอยเลอร์บนขอบกระบะท้ายพร้อมไฟท้าย LED แนวตั้งดีไซน์ใหม่รูปตัว H และกันชนหลังสีเงิน
ทางด้านรุ่น GSR แต่งเหมือน Athlete เวอร์ชันไทยยกเว้นไม่มีการ์ดเสริมกันชนหน้านอกนั้นคงเดิมทั้ง ทางด้านรุ่น Athlete อัปเกรดหล่อด้วยชุดแต่งรอบคันไม่ว่าจะเป็น ชุดกระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ พร้อมตราโลโก้ทรีไดมอนด์สีเงินและตัวอักษร Mitsubishi ขอบกระจังหน้าสไตล์ Dynamic Shield สีดำ ชุดไฟตัดหมอกหน้า LED ล้ออัลลอยสีดำเข้ม 18 นิ้ว พร้อมคิ้วขอบล้อสีดำ ราวหลังคาสีดำ กับสปอร์ตบาร์ทูโทนสีดำ/เงิน และกันชนหลังสีดำ
ภายในห้องโดยสารและแผงคอนโซลหน้าควบคุมภายใต้แนวคิด Horizontal Axis คำนึงถึงประสบการณ์ในการใช้งานด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดเน้นความสะดวกสบายในการหยิบจับได้อย่างกระชับมือ แผงคอนโซลกลางมีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบพร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มิลลิเมตร ได้มากถึง 4 ขวด กล่องเก็บของด้านหน้าช่องวางสมาร์ทโฟนและช่องเก็บของขนาดเล็กอื่นๆ มีความกว้างขวางที่ใช้งานได้สะดวกแผงควบคุมด้านหน้าและคอนโซลกลาง
พร้อมออปชันดังนี้ ชุดมาตรวัด LCD พร้อมจอแสดงข้อมูล MID ขนาด 7 นิ้ว ช่องต่อ USB ด้านหน้าแบบ Type-C / Type-A จุดละ 1 ตำแหน่งด้านหน้าและด้านหลัง 1 จุด แท่นชาร์จมือถือไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม จอสัมผัสขนาดใหญ่ทั้งแบบ 9 นิ้วเชื่อมต่อทั้ง Android, Auto Apple Carplay ไร้สาย รองรับ FM/AM/MP3 พร้อมระบบนำทางในตัวจอ ลำโพงติดรถ 4- 6 จุด พวงมาลัยสามก้านแบบมัลติฟังก์ชันปรับได้ 4 ทิศทาง เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิ ซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์หมุนเวียนอากาศบนหลังคาตอนหลัง หรือเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติให้เลือก เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า และ 6 ทิศทางปรับด้วยมือวัสดุหุ้มเบาะกึ่งหนังแท้สีดำ มือจับหลังคา 8 ตำแหน่ง ทางด้านรุ่น GSR เพิ่มสีสันด้วยโทนการตกแต่งสีดำ/ส้มในส่วนของชุดคอนโซลหน้าและแผงประตูวัสดุบุหนังสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน เบาะนั่งทูโทนหุ้มกึ่งหนังแท้ ส้ม/เทาเข้ม
ขุมพลังเป็นดีเซลเทอร์โบแปรผันคลีนดีเซลเทอร์โบคู่คลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์ (Twin Turbo Hyper Power Engine) ใหม่ 2.4 ลิตร 4N16 High Power ให้กำลัง 204 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 470 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,750 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบ Sport เลือกได้ทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อยกสูงและขับเคลื่อนสี่ล้อ Part Time ทั้งแบบ Easy Select 4WD (2H, 4H และ 4L) และ Super Select 4WD II มีการตรวจจับแรงบิดด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย (Limited Slip Differential: LSD) ช่วยกระจายกำลังด้วยอัตราส่วนร้อยละ 40 ที่ล้อหน้าและร้อยละ 60 ที่ล้อหลัง สร้างความมั่นใจในสมรรถนะการยึดเกาะถนนและประสิทธิภาพในการเข้าโค้ง มีระบบการขับเคลื่อนให้เลือก 4 รูปแบบ ได้แก่ 2H, 4H, 4HLc และ 4LLc
พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ ใหม่! 7 โหมด ครอบคลุมการขับขี่ทั้งแบบออนโรด และแบบออฟโรด โหมดการขับขี่ Normal (ทั่วไป) และแบบ Eco (ประหยัด) Gravel (ทางลูกรัง) Snow (ถนนลื่น พื้นปกคลุมด้วยหิมะ หรือขณะฝนตกหนัก) Mud (ลุยโคลน) Sand (พื้นทราย) Rock (พื้นหินตะปุ่มตะป่ำ) พร้อมควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและแรงดันเบรกที่ล้อด้านในและนอกโค้งให้มีความสมดุลอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้มาพร้อมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี แอคทีฟลิมิเต็ดสลิป (Active LSD -Brake Control Type) ซึ่งช่วยควบคุมแรงดันเบรกของล้อที่หมุนฟรี พร้อมส่งและกระจายกำลังไปยังอีกล้อหนึ่ง เพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ลื่น พร้อมกับมอบประสบการณ์ขับขี่ก้าวข้ามทุกอุปสรรค รองรับการบรรทุกหนัก ทั้งยังช่วยรับและกระจายแรงในกรณีที่เกิดการปะทะ ช่วยปกป้องให้ทุกการขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วย ระบบบังคับเลี้ยวจะเป็นแบบ Rack & Pinion พร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (Electric Power Steering: EPS) ช่วยให้ขับขี่คล่องตัว ควบคุมได้ดังใจ ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริงและโช้คอัพ ด้านหลังเป็นแบบแหนบแผ่นซ้อน
ติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคันทั้งล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control: ASC) ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control Sytem: TCL) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist: HSA) เตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation system: FCM) สัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) สัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA) เตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM)
ออสเตรเลียให้มากกว่าไทยทั้งช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Emergency Lane Keeping (ELK) ระบบ Emergency Lane Assist (ELA) เตือนเมื่อรถออกนอกเลน และระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Departure Prevention (LDP) เตือนด้านหน้าขณะออกจากช่องจอด Front Cross Traffic Alert เตือนและแสดงป้ายจราจร Traffic Sign Recognition (TSR) เตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Alert (DAA) ตรวจวจับพฤติกรรมเสี่ยงจะเกิดเหตุขณะขับขี่ Driver Monitor System (DMS) จำกัดความเร็วอัจฉริยะ Intelligent Speed Limiter (ISL) ตรวจวัดลมยาง Tyre Pressure Monitoring System (TPMS) และช่วยบังคับการลากจูง Trailer Stability Assist (TSA)
พร้อมระบบความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง เบรก ABS กระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ลดกำลังเครื่องยนต์ (BOS) เพื่อช่วยเบรก เสริมแรงเบรก (BA) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน (ESS) ปรับไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ (AHB) ถุงลมนิรภัย 8 จุดรอบคัน เซนเซอร์กะระยะการจอดหน้าและหลัง
Mitsubishi Triton ขายจริงกุมภาพันธ์ปีหน้าที่ออสเตรเลียโดยมีสีภายนอกดังนี้ สีส้ม Yamabuki Orange Metallic, สีบรอนซ์เงิน Blade Silver Metallic, สีขาวมุก White Diamond, สีขาว Solid White, สีเทา Graphite Gray Metallic, สีดำ Jet Black Mica และมีสีที่เมืองไทยไม่มีทั้งสีแดง Solid Red สีน้ำเงิน Impulse Blue Metallic สี่เกรดรุ่นทั้งรุ่น GLX, GLX+, GLS และ GSR ในราคารวมค่า on-road $43,690- $63,840 หรือราว 1,019,000-1,489,000 บาท
ที่มา CARSALES