หลังจากที่ Mitsubishi ตัดสินใจเลือกไทยเป็นฐานผลิตและส่งออกรถยนต์ไฮบริด ประเดิมรุ่นแรกกับรุ่น XPANDER HEV และมี Mitsubishi XFORCE เสริมทัพ
Mitsubishi XFORCE มาในร่าง Sub Compact SUV พร้อมแนวคิด Best-suited buddy for an exciting life หรือคู่หูที่จะให้ความตื่นเต้นความเร้าใจตลอดการเดินทาง หน้าหล่อทั้งคันคล้ายต้นแบบ Mitsubishi XFC Concept ขัดเกลางานดีไซน์ให้ดูสปอร์ตขึ้นตั้งแต่ ไฟหน้า DRL แบบ LED พร้อมไฟหน้า LED ใต้โคมไฟ DRL มาในแบบรูปตัว T-Shaped โลโก้ทรีไดมอนด์สีเงินในกรอบสามเหลี่ยมกับกระจังหน้าขนาดใหญ่แบบ Dynamic Shield เวอร์ชันใหม่ ด้านท้ายมาแบบไฟท้ายรูปตัวทีแบบ T-Shaped LED ดีไซน์ด้านข้างออกแบบให้มีความกระฉับกระเฉงเส้นสายลงตัวออกแบบกระจกเสา C ให้เล็กลงกว่าเดิม ล้ออัลลอยลายห้าก้านดีไซน์เล่นระดับขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/50R18
ตัวรถคล่องตัวด้วยมิติตัวรถที่เล็กตั้งแต่ความยาวตั้งแต่ 4,390 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,810 มิลลิเมตร ความสูง 1,660 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,245 กิโลกรัม และความจุถังน้ำมัน 42 ลิตร
ภายในมีลำโพงคุณภาพจาก Yamaha เป็น OEM ผลิตมาสำหรับเอสยูวีรุ่นนี้โดยเฉพาะในชื่อ Dynamic Sound Yamaha Premium ติดตั้งที่แผงประตูคู่หน้า ลำโพงทวิตเตอร์บริเวณเสา A และลำโพง coaxial two-way ที่ประตู่คู่หลังรวมทั้งหมด 8 จุด ภายในมาในแบบ 5 ที่นั่ง แผงคอนโซลหน้าออกแบบเชื่อมกันกับแผงประตูคู่หน้ากันอย่างลงตัว จอคู่ที่ประกอบด้วยมาตรวัดดิจิทัล 8 นิ้วกับจอสัมผัสขนาดใหญ่อยู่ในชุดเดียวกันขนาด 12.3 นิ้ว Smartphone-link Display Audio รองรับ Apple Car Play และ Android Auto พร้อมจอมาตรวัดออฟโรดอเนกประสงค์แบบเดียวกับ Mitsubishi Pajero
ช่องเสียบ USB Type-A กับ Type-C ports ทั้งด้านหน้าและหลัง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน แผงเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติดีไซน์เดียวกับ Mitsubishi Triton คอนโซลเกียร์ดีไซน์เก๋ออกแบบอย่างต่อเนื่อง พื้นที่วางขาพื้นที่หลังคาที่โล่งโปร่งสบายๆพร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระมากขึ้นด้วยเบาะหลังพับได้แบบ 40/20/40 เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold
ขุมพลังแน่นอนแล้วว่ายกมาจาก Mitsubishi XPANDER ด้วยเบนซิน MIVEC ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 4A91 ให้กำลังมากถึง 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 141 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติแปรผัน Eco-dynamic CVT จากค่าย AISIN พร้อมโหมดการขับขี่สี่โหมดทั้ง NORMAL, WET, GRAVEL และ MUD ส่วนเมืองไทยมีความเป็นไปได้สูงที่จะนำขุมพลังใหม่ Hybrid MIVEC แบบ e:MOTION จาก Mitsubishi XPANDER HEV ประจำการ ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A92 95 แรงม้าที่ 5,100 รอบต่อนาที แรงบิด 134 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 116 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตร พ่วงแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนตอบสนองด้วยอัตราเร่งรวดเร็วและทรงพลังเน้นทั้งความเงียบที่มากขึ้นและประหยัด
พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 7 โหมด 7 DRIVE MODE ปรับโหมดการขับขี่เพียงปลายนิ้วสัมผัส รองรับทุกจุดหมายอย่างไร้กังวลท้ัง NORMAL (ถนนทั่วไป), WET (ถนนเปียก), GRAVEL (ถนนลูกรัง), TARMAC (ถนนลาดยาง), MUD (ถนนโคลน),CHARGE (โหมดการชาร์จ), EV PRIORITY (โหมดพลังงานไฟฟ้า 100%) และมีระบบควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกระหว่างล้อซ้ายและขวาออกแบบให้สามารถเรียกแรงบิดให้กระจายกำลังไปยังล้อทั้งสี่ตามความเหมาะสมและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือที่เรียกว่า Active Yaw Control (AYC) ที่ยกมาจาก Mitsubishi XPANDER Cross และ Mitsubishi Triton
ช่วงล่างอิสระแมคเฟอร์สันสตรัทที่ล้อหน้าและล้อหลังแบบทอร์ชันบีม สามารถลุยได้มั่นใจทุกรูปแบบตั้งแต่มุมไต่หรือมุมเงย Approach Angle 21.0 องศา มุมจาก Departure Angle 30.5 องศา และมุมคร่อม break-over angle 20.5 องศา พร้อมรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร จากพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า เด่นด้วยตัวรถยกสูงพื้นที่ใต้ท้องรถสูงเหมาะกับการผจญภัยเพียง 222 มิลลิเมตร
พร้อมความปลอดภัยรอบคันทั้ง เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Active Stability Control: ASC) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist: HSA) เตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) กล้องมองหลัง ตรวจวัดค่าลมยาง (Tire Pressure Monitoring System: TPMS) เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control: CC) ถุงลมนิรภัย SRS 4 จุด เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter Seatbelts) ระบบเบรก ABS, EBD, BA และดิสก์เบรก 4 ล้อ
Mitsubishi XFORCE เตรียมเปิดตัวที่ไทยภายในปี 2024 เป็นรถประกอบในประเทศและได้ใช้ขุมพลัง Hybrid ในชื่อ Mitsubishi XFORCE HYBRID
