NIO เปิดรับจองล่วงหน้าเก๋งพลังอีวีไซซ์ใหญ่ NIO ET7 รุ่นปี 2024 หรือ Model Year 2024 ก่อนที่จะขายจริงในงาน Auto China 2024
ภายนอกไม่มีการเปลี่ยนอะไรมากนอกจากล้ออัลลอยลายใหม่ชนาด 21 นิ้ว อันเป็นเอกลักษณ์พร้อมยาง Michelin Sport EV ขนาด 255/40R21 และสีภายนอกสีเงินใหม่ พร้อมฟีเจอร์เดิมที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ไฟหน้า Dual Beam LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ไฟท้าย LED แบบ Heartbeat Taillight แบบสามมิติ กุญแจ UWB Digital Key, กระจกหน้าต่างแบบไร้กรอบ ที่เปิดประตูแบบแนบไปกับตัวถัง พร้อมไฟส่องสว่าง LED และบานพับประตูไฟฟ้า E-latch ที่สามารถปิดประตูได้เองเพียงแค่ดึงเบาๆ
มาพร้อมตัวถังขนาดความยาว 5,101 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,987 มิลลิเมตร ความสูง 1,509 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,060 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 128 มิลลิเมตร
ภายในเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเริ่มที่วัสดุหนังสัมผัสที่แผงคอนโซลหน้าพร้อมดีไซน์จอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า HUD ออกแบบใหม่เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานฉับไวขึ้น เบาะนั่งแถวหน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้ามากถึง 18 ทิศทางปรับเอนได้ถึง 82 องศา
เบาะนั่งแถวที่สองปรับไฟฟ้า 14 ทิศทาง และปรับเอนได้ 27-37 องศา พร้อมนวดได้ ห้า โหมด พร้อมเพิ่มจอหลังสองจอแบบ OLED 3K ขนาด 14.5 นิ้ว รองรับฟังก์ชันหลายหน้าจอด้วย Nio Phone ระบบมัลติมีเดียของ ET7 ขับเคลื่อนประสิทธิการทำงานด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8295
พร้อมลำโพง 23 จุด เพิ่มกำลังขับเป็น 2,230 วัตต์ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสองก้าน พร้อมจอมาตรวัดความเร็ว 10.2 นิ้ว หน้าจอสัมผัสแนวตั้ง AMOLED ขนาด 12.8 นิ้ว ภายในกว้างสบายเปรียบได้กับห้องนั่งเล่น โดดเด่นด้วยหลังคาแบบ All Glass Roof ขนาดใหญ่ถึง 1.9 ตารางเมตร
อีกทั้งยังมีช่องแอร์ Invisible Smart Air Vents ที่ซ่อนตัวไปกับแผงคอนโซลทั้งด้านหน้าและหลัง ให้สัมผัสอากาศที่เป็นธรรมชาติมากกว่าช่องแอร์แบบทั่วไป และไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร Ambient Light 256 เฉดสี
ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ AC induction asynchronous, Permanent magnet motor พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีสามขนาด เริ่มที่ขนาด 70 kWh จะสามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางมากกว่า 500 กิโลเมตร ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 100 kWh จะขับขี่ได้เป็นระยะทางมากกว่า 700 กิโลเมตร หรือถ้ายังไม่ไกลพอแล้วล่ะก็แบตเตอรี่ขนาด 150 kWh แบบใหม่ Semi-Solid State ขับขี่ได้เป็นระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว (ตามมาตรฐาน NEDC)
ให้กำลังรวม 653 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร แบ่งเป็นล้อหน้าให้กำลัง 245 แรงม้า และล้อหลัง 408 แรงม้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 3.9 วินาทีเท่านั้น และความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะเบรกจาก 100-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพียง 33.5 เมตร จากดิสก์เบรกแบรนด์ไฮเอนด์ Brembo
นอกจากนี้ยังมาพร้อมเซนเซอร์ LiDAR ให้องศาในการตรวจจับ 120 องศา ได้เป็นระยะทางไกลถึง 500 เมตร เพื่อตรวจจับวัตถุต่างๆ ด้านหน้าตัวรถได้อย่างแม่นยำ โดยจะทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์รอบคันอีกกว่า 33 จุด เพื่อให้ระบบขับขี่อัตโนมัติและระบบความปลอดภัยต่างๆ เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ระบบขับขี่อัตโนมัติ ยังทำงานด้วยกล้องความละเอียด 8 ล้านเมกะพิกเซล เทียบกับกล้องของเทสล่าที่มีความละเอียด 1.2 ล้านเมกะพิกเซล เสริมด้วยหน่วยประมวลผลจาก Nvidia ที่ทำงานเร็วกว่าเทสล่าถึง 7 เท่าอีกด้วย
NIO ET7 MY2024 เปิดรับจองล่วงหน้าหรือ Pre-Orders ตั้งแต่ 16 เมษายน ก่อนจะเปิดตัวในงาน Beijing Auto Show 2024 ระหว่างวันที่ 25 เมษายน – 4 พฤษภาคม และส่งมอบตั้งแต่ 30 เมษายน
ที่มา CarNewsChina