คนเล่นรถจริงๆจะรู้จัก Nissan Navara เป็นอย่างดีในฐานะกระบะหล่อแรงล้ำด้วยความแกร่งแบบทนถึกบรรทุกถึงใจกำไรถึงมือคุณครบทุกการใช้งาน
Nissan Navara เจเนอเรชันที่ 11 ในรหัส D23 ทำตลาดในไทยมาเกือบ 10 ปี มีครบทุกรุ่นทุกตัวถังใช้งานได้ทั้งแบบส่วนบุคคลและบรรทุกเชิงพาณิชย์ตั้งแต่สี่ประตู Double Cab ตอนครึ่ง King Cab และตอนเดียว Single Cab และเป็นโอกาสอันดีที่ทีมงาน Car2Day ได้มารู้จักกับตัวตนแห่งความดุดิบกับ Nissan Navara Single Cab 4WD รุ่น SL ถึงแม้จะอยู่มานานแต่หน้าตายังหล่อเข้มด้วย กระจังหน้าแบบ Interlock ขนาดใหญ่สีดำไส้ในเป็นลายรังผึ้งเสริมความดุดัน ติดตราโลโก้ Nissan พร้อมไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ พร้อมกันชนหน้าทรงเท่สีเดียวกับตัวรถติดตั้งคิ้วชายล่างกันชนหน้าสีดำขลิบสีเงิน
ด้านข้างดีไซน์เดิมตั้งแต่เปิดตัวเมื่อสิบปีก่อนกับไฟเลี้ยวข้างแก้มบังโคลนหน้า กระจกมองข้างสีดำ ที่เปิดประตูดึงก้านสีดำและเพียงไม่กี่เจ้าที่ติดตั้งที่เหยียบขึ้นกระบะด้านข้าง BUILT-IN เป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดตั้งจากโรงงาน ช่วยเพิ่มความสะดวกในการขนของบรรทุกสัมภาระต่างๆ ขึ้นลง เพิ่มอรรถประโยชน์ของใช้งานมากยิ่งขึ้น ที่เปิดฝาถังน้ำมันจากเดิมจะเป็นแบบเปิดจากภายในคราวนี้ย้อนยุคมาเป็นแบบกุญแจไขล็อกฝาซึ่งตรงนี้อยากให้กลับมาจริง ขอบกระบะซ้าย-ขวามีขอเกี่ยวของทั้งหมด 5 ตัว หรือเรียกติดปากว่า 5 ขอ ไฟท้ายสีขาวแดงแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ พร้อมฝาท้ายปั้มตราตัวหนังสือ Nissan ขนาดใหญ่ ที่เปิดฝากระบะท้ายเปิดทีละฝั่งเน้นการใช้งานที่ง่ายๆ เสียดายที่ว่าไม่มีกล้องมองหลังเหมือนแต่ก่อน มีโลบาร์เดี่ยวเส้นแนวตั้งสามเส้นตรงกลางสีเดียวกับตัวรถตามมาตรฐานกระบะตอนเดียวที่มีกันทุกค่ายและกระทะล้อขนาดใหม่ 16 นิ้ว พร้อมยาง 205R16C มาแทนขนาดเดิม 15 นิ้ว พร้อมยาง 195R15C
ตัวรถใหญ่โตตามตัวตั้งแต่ความยาว 5,235 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,790 มิลลิเมตร ความสูง 1,775 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,150 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 220 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,884 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร ทางด้านมิติกระบะท้ายเริ่มที่ความยาว 2,310 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,550 มิลลิเมตร ความสูง 470 มิลลิเมตร ตามข้อมูลจาก นิสสัน กระบะท้ายคันนี้สามารถบรรทุกลังกระดาษได้ถึง 14 ลังหรือตะกร้า 14 ชั้น เมื่อซ้อนตะกร้า 3 ชั้นจะขนได้สูงสุด 40 ชิ้น น้ำหนักรวม 1,090 กิโลกรัม
เมื่อเทียบกับนาวาราหัวเดี่ยวรุ่นก่อนปรับโฉมจะพบว่าความตัวรถสั้นกว่าเดิม 5 มิลลิเมตร สูงกว่าเดิม 45 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดเพิ่มจากเดิม 35 มิลลิเมตร น้ำหนักรถเพิ่มขึ้นจากเดิม 37 กิโลกรัม และความกว้างของกระบะท้ายลดลง 10 มิลลิเมตร
ภายในเดิมๆด้วยแผงคอนโซลหน้าดีไซน์คุ้นเคยสีดำ มาตรวัดความเร็วกับรอบเครื่องยนต์คั่นกลางด้วยจอ MID แสดงข้อมูลการขับขี่และวัดระยะทางด้วยตัวเลขดิจิทัล พวงมาลัยสามก้านดีไซน์สหกรณ์ที่ใช้กันทุกรุ่นของนิสสันตั้งแต่เก๋ง รถตู้ ไปจนถึงกระบะคันที่เราได้ทดสอบกันตกแต่งด้วยขอบสีเงินจับกระชับปรับได้สองทิศทางสูงต่ำไม่มีแบบเข้า-ออก ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก Nissan Connect ด้วยชุดหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว สามารถรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อใช้งานอาทิ ระบบนำทาง (Navigation system) หรือ แอปพลิเคชันฟังเพลงต่าง ๆ พร้อมช่องต่ออุปกรณ์ USB/AUX เพื่อการเดินทางที่สะดวกสบาย มีกระจกไฟฟ้าเซ็นทรัลล็อกพร้อมกุญแจรีโมทและยังล็อกประตูอัตโนมัติตามความเร็วรถ สวิตช์กระจกมองข้างปรับด้วยไฟฟ้า
ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายพร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระจัดเก็บได้อย่างลงตัวกับช่องเก็บสัมภาระสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และด้านข้างฝั่งคนขับ อีกทั้งเบาะนั่งที่ออกแบบเพื่อช่วยให้อยู่ในท่านั่งที่สบาย ไม่เมื่อยล้าเวลาเดินทางไกลโดยหุ้มหนังไวนิลสีเงิน มีเบรกมือคันโยกข้างๆเบาะคนขับแบบซ่อนข้างๆเบาะคนขับอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำเวลานั่งตอนกลางก้นไม่กระทบกับก้านเบรกมือแน่นอนใต้คอนโซลหน้ามีช่องวางแก้วน้ำสองจุดและช่องใส่ของเล็กน้อยเสียดายไม่มีที่วางแก้วใต้ช่องแอร์ซ้าย-ขวา เหมือนแต่ก่อน
ขุมพลังที่ประจำการคันนี้ เสียดายที่ไม่ได้ใช้เครื่อง YS23 2.3 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ยังคงใช้ขุมพลังดั้งเดิม ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 2.5 ลิตร รุ่น YD25DDTI Mid Power ให้กำลังแรงสุดถึง 163 แรงม้าที่ 3600 รอบต่อนาที แรงบิด 403 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Part-Time 4WD ทั้ง 2H, 4H และ 4L ปรับจาก 2H เข้าเป็น 4H หรือสลับจาก 4H มา 2H ได้ทันทีไม่ต้องหยุดรถในความเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือ Shift-on-the-fly และยังเพิ่ม ระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า Electronic Rear Locking Differential เป็นออปชันประจำรุ่น
ครั้งนี้เจ้ากระบะตัวแกร่งมาด้วยภารกิจไปรับมะพร้าวน้ำหอมทั้งหมด 1,500 ลูก ไปรับที่สวนลุงเปียพันธุ์มะพร้าวน้ำหอม บ้านแพ้ว สมุทรสาคร ไปส่งที่ร้านมะพร้าวแถวนวลจันทร์ กรุงเทพฯ เริ่มต้นการเดินทางจากกรุงเทพฯด้วยเส้นถนนรามอินทราเข้าแจ้งวัฒนะ ขึ้นสะพานพระรามสี่เข้าราชพฤกษ์ผ่านอุโมงค์เข้าเส้นบรมราชนนีจากนั้นเข้าสู่เพชรเกษมจังหวัดนครปฐมก่อนที่จะทำการเติมลมยางเพิ่มเติมที่ปั้ม ปตท. ตลาดจินดา การขับขี่แบบบรรทุกเปล่าด้วยพลัง 163 แรงม้า แรงบิด 403 นิวตันเมตร เริ่มให้การตอบสนองอย่างดีตั้งแต่ 2,000 รอบเป็นต้นไป กำลังไม่ตกมาต่อเนื่องเค้นกำลังดีไม่ต้องออกแรงง่ายต่อการขับขี่บนพื้นที่ทุรกันดารหรือเส้นทางออฟโรด
เกียร์กระปุก 6 สปีดเข้าง่ายคลัตช์ให้น้ำหนักเบาทั้งตอนเหยียบแป้นจนสุดและตอนปล่อย เริ่มเกียร์ 1 ค่อยๆปล่อย ไม่ปล่อยฉับไวไม่งั้นรถจะดับกลางทางพอผลักเข้าเกียร์ 2 ต่อเนื่องถึงเกียร์ 6 ระยะเวลาการเข้าเกียร์แต่ละช่วงสั้นไม่ยืดยาดเหมือนเพื่อนร่วมชายคาอย่าง Mitsubishi Triton เจนใหม่ ส่วนการเข้าเกียร์ถอยหลังต้องทำความคุ้นเคยกันสักนิดต้องกดหัวเกียร์หนึ่งครั้ง มาทางขวาสุดแล้วดันลงมาล่างตามที่หัวเกียร์ชี้ไว้ซึ่งบางค่ายเกียร์ถอยหลังต้องตบมาทางซ้ายสุดด้วยการดึงก้านใต้หัวเกียร์ก่อน
หลังจากเติมลมยางเพิ่มอีกเพื่อบรรทุกลูกมะพร้าวที่บ้านแพ้วจากความเด่นของแชสซีส์ชิ้นเดียวตลอดคันแบบเหล็กกล้าไร้รอยต่อ Fully Boxed Frame สามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ในปริมาณมากและความทนทานอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยน้ำหนักเดิมๆตันกว่าๆ ใส่ลูกมะพร้าวเข้าไป 800 ลูก ในกระบะท้าย (รุ่นตอนครึ่ง King Cab CALIBRE V Auto 700 ลูก) หน้ารถมีการเชิดหน้าขึ้นเพราะเต็มไปด้วยลูกมะพร้าวเต็มพื้นที่กระบะแม้เป็นรถเดิมๆไม่แต่งอะไรยังให้ความแข็งแกร่งในการบรรทุกอย่างดีเยี่ยม
ช่วงล่างด้านหน้ามาแบบอิสระปีกนกสองขั้นพร้อมคอยล์สปริงกับเหล็กันโคลงและด้านหลังแบบแหนบแผ่นซ้อน 5 แผ่น ตอนวิ่งเปล่ามีความกระด้าง นุ่มนวลไม่โยน ด้วยระะยะจากความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถที่สูงกว่า พร้อมลุยทุกเส้นทาง ไม่เว้นแม้พื้นที่ขรุขระ เมื่อต้องบรรทุกลูกมะพร้าวและเติมลมยางเพิ่มมาแล้วยังให้การเกาะถนนเข้าโค้งค่อนข้างดีและแชสซีส์ตัวแกร่งสืบทอดมาจาก BIGM, Frontier และ Navara รุ่นก่อนๆวางใจได้ในงานบรรทุกแม้หนักแต่ไปได้ชิวๆ
ระหว่างขับบรรทุกจากบ้านแพ้วมายัง กรุงเทพฯ ตอบสนองดีไม่แพ้วิ่งเปล่าการฉุดลากยังต่อเนื่องไม่ขาดตอน ระบบเบรกหน้าดิสก์เบรกหลังดรัมเบรก เบรกดี เบรกทันใจคุมรถง่ายขึ้นตั้งแต่เหยียบเบรกไปประมาณ 25-30% เสริมด้วยระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electric Brake Force Distribution System) ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist – BA) พร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า เข็มขัดนิรภัยแบบปรับระดับได้ พวงมาลัยแบบยุบตัวได้ ระบบตัดวาล์วน้ำมันเชื้อเพลิงอัตโนมัติ ในกรณีรถพลิกคว่ำเมื่อเกิดการชนด้านหน้า เสียดายที่ว่าน่าจะมีตัวช่วยเรื่องควบคุมการทรงตัว VDC ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS และช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA มาด้วยยิ่งเข้ากันดี
ถ้าต้องตัดสินใจเลือกใช้งานสร้างธุรกิจให้โตแม้จะมีเรื่องต้นทุนมาเกี่ยวข้องคันนี้ตอบโจทย์ได้อย่างดี ด้วยการไปทำคอก ทำหลังคาอะลูมิเนียมหรือติดคอก ทิ้งกระบะท้ายทำตู้ส่งของ ทำฟู้ดทรัก หรือขยับไปทำรถบ้านก็ยังได้ถ้าชอบขยับขาซ้ายบ่อยๆ ปรับช่วงล่างหลังให้เฟิร์มกว่าเดิมก็ทำได้ เรื่องความประหยัดคันนี้ไปกลับกรุงเทพฯ-สมุทรสาคร ประมาณ 222 กิโลเมตรทำได้ราวๆ 15 กิโลเมตรต่อลิตรถือว่าคุ้มค่า แม้เส้นทางเจอแต่ทางเรียบสองเลนสี่เลนเป็นส่วนใหญ่เลยอดใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลังเครื่องตอบสนองดีทั้งในยามวิ่งเปล่าและบรรทุก ช่วงล่างนุ่มกระด้าง แม้จะขาดของอำนวยความสะดวกและตัวช่วยความปลอดภัยไปบ้าง
กระบะขับสี่สไตล์ห้าขอทั้งแรงทั้งล้ำนับว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจและไม่ควรมองข้ามสำหรับสายบรรทุก สายอาชีพ ที่อยากสร้างตัวโดยมีสีตัวถังภายนอก 3 สี ได้แก่ ขาว ไวท์โซลิด, เงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ และ เทา ทไวไลท์เกรย์ กับค่าตัว 659,000 บาท