ความเคลื่อนไหวของ Nissan Patrol เจนใหม่ รหัส Y63 เตรียมเปิดตัวให้ขาลุยได้สัมผัสกันในปีหน้าจากพื้นฐาน INFINITI QX80
แต่ก่อนจะพบเจนใหม่ทาง Nissan ปรับสีสันเจ้าสิงห์ทะเลทรายอีกครั้งด้วยรุ่นปี 2024 หรือ Model Year 2024 ภายนอกคงเดิมเริ่มที่รุ่น Ti และ Ti-L ด้วยตราโลโก้ Nissan ยุคใหม่ใส่ในกระจังหน้า ล้ออัลลอยและท้ายรถ คิ้วโครเมี่ยมใหม่บนแก้มบังโคลนหน้า ซ้าย-ขวาดีไซน์ใหม่ บนพื้นฐานหน้าเดิมตั้งแต่กระจังหน้าทรงตัววีไฟหน้า LED ทรงบูมเมอแรง 52 ดวงในโคม
ลงตัวกับชุดกันชนหน้าดีไซน์ดุดันพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวทรงโต ราวหลังคา พร้อมชุดแต่งโครเมียมบนขอบกระจก บันไดข้าง ด้านท้ายเท่ด้วยไฟท้าย LED 44 ดวงในโคม หรูด้วยคิ้วกรอบป้ายโครเมี่ยมสลักชื่อคำว่า Patrol ฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า กันชนท้ายเท่แบบเดียวกับด้านหน้าและ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/70 R18
รุ่น Patrol Warrior ปรับตัวตนให้เหนือกว่าดุกว่าตั้งแต่ชุดกันชนหน้าดีไซน์ใหม่กระจังหน้ารูปตัววีสีดำเงาเข้ม แผ่นกันกระแทกใต้เครื่องด้านหน้าสีแดง พร้อมจุดยึดด้านหลัง 2 จุด เติมคิ้วขอบล้อสีดำเข้มเข้าไปลงตัวกับล้ออัลลอยลายดุสีทูโทนกับยาง all-terrain (A/T) Yokohama Geolandar ขนาด 34.4 นิ้ว (ขนาด 18 นิ้ว 295/70R18)
ท่อไอเสียคู่ที่อยู่ใต้บันไดข้างแบบเดียวกับ Mercedes-AMG G 63 และกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวตกแต่งสีดำ พร้อมไฟหน้า LED ทรง boomerang ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย LED ทรง boomerang คิ้วกรอบป้ายทะเบียนแนวยาวชุบโครเมียมติดสัญลักษณ์ Patrol
มิติตัวรถในร่าง Y62 เจนที่หก ลากขายมา 14 ปี ตั้งแต่ความยาว 5,175 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,995 มิลลิเมตร ความสูง 1,940-1,955 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,075 มิลลิเมตร ความสูงจากใต้ท้องรถ 273 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 2,812-2,861 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 140 ลิตร
ภายในออกแบบคอนโซลกลางในชุดแผงคอนโซลหน้าใหม่ด้วยจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว รองรบัระบบ Apple CarPlay กับAndroid Auto ไร้สาย เพิ่มชาร์จโทรศัพท์ไร้สายกำลัง 15W และแผนที่ออฟโรด Hema พร้อมด้วยกล้องถอยหลังมุมกว้างที่มีความละเอียดสูงใหม่ รองรับชุดพอร์ต USB-A และ USB-C DAB+ digital radio
ทดแทนจอเดิม 8 นิ้วตอนนี้กลายเป็นช่องใส่ของพร้อมฝาปิด เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิจากเดิมสามโซนมาเป็นสองโซน ซ้าย-ขวา ตัดจอทีวี 8 นิ้วฝังที่หมอนศีรษะคู่หน้ารวมถึงตัดกล้องมองภาพรอบคันออกไป ลำโพงคุณภาพ BOSE 13 จุดรอบคัน
เบาะนั่งหนังแท้คุณภาพ บ่งบอกความหรูเทียบเท่าเก๋งพรีเมี่ยมสไตล์ยุโรปด้วยห้องโดยสาร 3 ตอน 7 กับ 8 ที่นั่ง หุ้มหนังคุณ-โดยฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทางและคนนั่ง 8 ทิศทาง พร้อมระบบความจำเบาะตำแหน่งกระจกมองข้าง และ ตำแหน่งพวงมาลัย รุ่น Ti-L เบาะหลังตอนที่สองกับตอยที่สามพับได้แบบ 60/40 และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง
รุ่น Patrol Warrior ได้จอ 10.1 นิ้วเช่นกันแต่ยังเข้มทุกการลุยด้วยภายในแต่งเพิ่มเติมด้วยชุดหุ้มหนังแบบ Alcantara ที่แผงประตู คอนโซลหน้าส่วนบนแบบหนังสัมผัส พร้อมตราสัญลักษณ์ Warrior คอนโซลหน้าส่วนอื่นตกแต่งด้วยสีดำเงาเปียโนแบล็กและคอนโซลเกียร์
ออสเตรเลียใช้ขุมพลังใหญ่ด้วยเบนซินทรงอานุภาพรหัส VK56VD 5.6 ลิตร V8 400 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิด 560 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อม Manual Mode และควบคุมการทำงายของเกียร์เพื่อช่วยเพิ่มอัตราเร่ง Adaptive Shift Control (ASC) ลากจูงได้สูงสุด 3,500 กิโลกรัม
โหดสุดกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Intelligent 4X4 เลือกได้ทั้ง Auto, 4H และ 4L พร้อมโหมดการขับขี่สี่โหมดทั้ง SAND, ON ROAD, SNOW และ ROCK ลุยทุกเส้นทางกับช่วงล่างแปรผัน Hydraulic Body Motion Control พร้อมเฟืองท้าย Rear Helical Limited Slip Differential และล็อกเฟืองท้ายREAR DIFFERENTIAL LOCK
แถมยกความสูงของตัวรถสูงขึ้น 50 มิลลิเมตร พร้อมสปริงติดรถจาก Monroe พร้อมปรับแต่งระบบลดแรงสั่นสะเทือนของตัวถังคล้ายกับคล้ายกับระบบควบคุมแชสซีสตัวรถแบบไฮดรอลิกแทนที่เหล็กกันโคลงเพื่อการควบคุมรถ เข้าโค้งอย่างมีประสิทธิภาพและลุยอย่างมั่นใจในรุ่น Patrol Warrior
พร้อมความปลอดภัยความปลอดภัยรอบคันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ 360 Safety Shield อาทิ กระจกมองหลังอัจฉริยะ (INTELLIGENT REAR VIEW MIRROR -IRVM) หน้าจอ LCD ที่เป็นได้ทั้งกระจกมองหลัง และกล้องมองหลังที่แสดงภาพจากกล้องหลังรถ ตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) เตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning)
ช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) เทคโนโลยีเตือนเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC) เทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Intelligent Lane Intervention -ILI) เตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง (Lane Departure Warning) เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) เตือนจุดบอดกับจุดอับสายตาอัจฉริยะ (Intelligent Blind Spot Intervention-IBSI)
พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทุกรุ่นทั้งระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BA ถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Vehicle Dynamic Control (VDC) ป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control System (TCS) ช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA)
ควบคุมเสถียรภาพของรถขณะลากจูง (TSA) ป้องกันการลื่นไถลขณะถนนลื่น (ABLS) จุดยึดที่นั่งเด็กสำหรับเบาะหลัง ISOFIX สัญญาณกะระยะการจอดด้านหน้า-หลัง ช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) จอมอนิเตอร์ระบบ Off-Road Meterและตรวจวัดลมยาง Tyre Pressure Monitoring System
Nissan Patrol MY2024 ปรับลุคใหม่ให้สิงห์ทะเลทรายรุ่นแซยิด มีจำหน่าย 3 รุ่นย่อยทั้งรุ่น Ti รุ่น Ti-L รุ่น Patrol Warrior ในราคาเริ่มต้น $87,900, $100,600, $104,160 หรือราว 2,095,000 2,395,000 และ 2,479,000 บาท เป็นราคาไม่รวมค่า on-road costs ของออสเตรเลีย
ที่มา Carsales
