ตลอด 4 ปีของการจำหน่าย Peugeot 208 และ Peugeot E-208 เจเนอรชันที่สองจากฝรั่งเศสที่ทุกวันนี้มียอดขายทั่วโลกเกือบหนึ่งล้านคันแล้ว
นับเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความนิยมความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อซิตี้คาร์คันนี้และตอบรับกับนโยบายที่จะเปิดตัวรถไฟฟ้าห้ารุ่นภายในปี 2025 ยังคงเดินหน้าต่อไปล่าสุดกับการปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 4 ปีหล่อแบบเดียวกับพี่ใหญ่ Peugeot 508 ที่ปรับโฉมได้ไม่นาน
เริ่มที่ด้านหน้าเด่นด้วยโลโก้ใหม่ของ Peugeot ที่ไม่ใช้ตราสิงห์เขย่งขาอีกต่อไป กับกระจังหน้าขนาดใหญ่กรอบรูปตัวยู ไส้ในเป็นสีๆแนวนอนและเป็นช่องระบายอากาศในตัวรับกับกันชนหน้าทรงสปอร์ตกว่าเดิม พร้อมไฟหน้า Full LED 3 ดวงและไฟ DRL LED แนวตั้ง 3 เส้นประดับซ้าย-ขวาของชุดกันชน ไฟท้าย LED three-claw แนวนอนใหม่ขนาดเล็กเรียวทันสมัยรับกับกันชนท้ายสีทูโทนแนวดุแต่งด้วยลิ้นสปอยเลอร์หลังสีดำ และตัวอักษร e กลายเป็น E ใหญ่ในรุ่น E-208 และล้ออัลลอย 16 นิ้วลายใหม่ไดมอนด์คัท พร้อมยางแบบ A class “A+”หรือยางต้านทานการหมุนต่ำ 195/55R16 และ 17 นิ้วพร้อมยาง 205/45R17 คิ้วขอบล้อสีเข้ม
มิติตัวรถยังคงเดิมตั้งแต่ความยาว 4,055 มม. ความกว้าง 1,745 มม. ความสูง 1,430 มม. และฐานล้อ 2,540 มม. สร้างจากพื้นฐาน CMP/eCMP
ภายในล้ำหน้าแบบ ‘i-Cockpit’ ด้วยมาตรวัดดิจิทัล 3.5 นิ้ว แบบ Head-Up Display แสดงข้อมูลหลากหลาย ติดตั้งเหนือ รวมถึงบรรดาสวิตช์ควบคุมทรงก้านเปียโน 7 อัน จอสัมผัสขนาดใหญ่กว่าเดิม 10 นิ้ว รองรับ MirrorScreen รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto สำหรับช่องแอร์คอนโซลกลางอยู่ระนาบเดียวกับมาตรวัด Head-Up Display 3 มิติระบบชาร์จไร้สาย wireless charging พร้อมเครื่องเสียงคุณภาพ เบาะหนังและเบาะหลังพับได้แบบ 60:40 โดยมีพื้นที่มากขึ้นในการขนของ
ปรับโทนภายในให้ทันสมัยขึ้นโดยเฉพาะไฟส่องสว่างภายใน Ambient Light พร้อมแป้นเกียร์แบบปุ่มบิดไปมา รวมถึงช่องเสียบ USB ที่หันมาใช้แบบ USB-C 2 ช่องที่ด้านหน้า ช่องเสียบด้านหลังมี USB-C 1 ช่องและช่องเสียบ USB-A 1 ช่องมีที่ชาร์จไร้สายอัพพลังเพิ่มเป็น 15W พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันขนาดกะทัดรัดพร้อมตราโลโก้ใหม่ และกล้องมองหลังความคมชัดสูง
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนในรุ่น E-208 มีแรงขึ้นวิ่งไกลขึ้นกว่าเดิมเป็น 156 แรงม้า แรงบิดเท่าเดิมคือ 260 นิวตันเมตร ความจุแบตเพิ่มขึ้นเป็น 51 kWh (48.1 kWh ที่สามารถใช้งานได้) เพิ่มระยะทางไกลสุดเป็น 400 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP) พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือกถึงสี่โหมดทั้งโหมด Eco, Normal, Sport และ Brake
โดยโหมด Brake จะทำงานคล้าย One Padel ที่สามารถเพิ่ม Regeneration ชาร์จแบตกลับได้ สามารถชาร์จเร็ว DC 20-80% ภายใน 25 นาทีเท่าๆกับ Peugeot e-308 โดยเครื่องชาร์จ DC รองรับกำลังไฟสูงสุด 100 kW ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เร็วขึ้นกว่าเดิม 7 วินาที มีเครื่องชาร์จขนาด 7.4 kW เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ติดตั้งปั๊มความร้อนทำงานคู่กับเซนเซอร์ความชื้นบนกระจกหน้ารถ ซึ่งช่วยรักษาประจุไว้เมื่อใช้ระบบควบคุมอุณหภูมิ รวมถึงขุมพลังสันดาปล้วนยังมีให้เลือกในรุ่น 208 ทั้งเบนซินและดีเซลเริ่มที่
- เบนซินเทอร์โบ 1.2 PureTech 75 ให้กำลังถึง 75 แรงม้าที่ 5,750 รอบ/นาที แรงบิด 118 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
- เบนซินเทอร์โบ 1.2 PureTech 100 S&S x PureTech 100 EAT8 S&S 101 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 205 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด EAT8
- เบนซินเทอร์โบแปรผัน PureTech 130 1.2 ลิตร 3 สูบ EB2ADT 136 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบ/นาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติลูกใหม่คลัตช์คู่ 6 สปีด e-DCS6 พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าอินเวอร์เตอร์ และกล่อง ECU โดยทำงานภายใต้ Miller
ระบบ Mild Hybrid มีแบตเตอรี่ก้อนเล็กสุดมีความจุ 0.432 kWh และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กสุดแรงดัน 48 V เสริมพละกำลังขึ้นมาอีก 29 แรงม้า แรงบิด 55 นิวตันเมตรในขณะสตาร์ทรถและเร่งความเร็วโดยโหมดไฟฟ้าหรือ Electric แต่ถ้าถอนคันเร่งจนรถหยุดนิ่งเครื่องยนต์จะดับโดยอัตโนมัติแล้วกลับมาติดอีกครั้งหลังหยุดรถไปได้สักพัก ซึ่งจะมาแทนรุ่นเก่า 1.2 PureTech 130 EAT8 S&S
- ดีเซลเทอร์โบ 1.5 BlueHDi 100 101 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
ด้านการจำหน่ายทาง Peugeot แจ้งว่าทั้ง Peugeot 208 และ Peugeot E-208 รุ่นปรับโฉมจ่อขายจริงที่ยุโรปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้
ที่มา media.stellantis