อีกหนึ่งรถเก๋งแดนน้ำหอมที่ได้รับการตอบรับอย่างดีไม่แพ้เก๋งจากเยอรมนี หรือ อังกฤษ สำหรับ Peugeot 508 เก๋งใหญ่ในร่างเจเนอเรชันที่ 2
และด้วยอายุการทำตลาดของเจนนี้ 5 ปี ก็สมควรที่จะปรับโฉมและเป็นการปรับครั้งแรกในร่างซีดานและเอสเตทด้วยดีไซน์ด้านหน้ามีส่วนคล้ายกับ Peugeot 408 ตั้งแต่ ตราโลโก้ Peugeot ยุคใหม่ กระจังหน้าแบบไร้กรอบทรงสี่เหลี่ยมคางหมู เส้นครีบสามเส้นทอดยาวแนวตั้งคล้ายเขี้ยวสิงโตแบบ LED Daytime ใต้ไฟหน้า Matrix LED แบบเล็กลงขึ้น พร้อมโลโก้ 508 บนฝากระโปรง
ด้านข้างเด่นด้วยกระจกรถแบบ Hard Top ไร้กรอบ ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 235/50R17 ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/45R18 ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/40R19 ด้านท้ายคงเดิมแต่ปรับในส่วนโลโก้จากตราสิงห์เขย่งขา กลายเป็นตัวอักษรแทน กันชนหลังทรงเดิมพร้อมลิ้นสปอยเลอร์หลังสีดำ แต่ไฟท้าย three-claw LED ออกแบบใหม่แบบกรงเล็บสิงโต 3 เส้นรมดำ เอียงแบบรูปตัววี
ภายในปรับในส่วนของระบบความบันเทิงใหม่ด้วยจอสัมผัสขนาดใหญ่กว่าเดิม 10 นิ้ว รองรับ MirrorScreen (Apple CarPlay และ Android Auto) PEUGEOT i-Connect® Advanced มาตรวัดดิจิทัลแบบ Head-Up Display 12.3 นิ้ว ติดตั้งเหนือพวงมาลัยขนาดกะทัดรัด ในชุดคอนโซลหน้าสไตล์ ‘i-Cockpit หัวเกียร์อัตโนมัติออกแบบใหม่เปลี่ยนมาใช้แบบปุ่มบิดขึ้นบิดลงแทนคันเกียร์
เบาะนั่งหุ้มหนังแท้ทรงสปอร์ตและเบาะหลังพับได้แบบ 60/40 มีพื้นที่มากถึง 487-1,537 ลิตรในรุ่นซีดาน และ 530-1,780 ลิตรในรุ่นเอสเตท หรือ SW ไฟสร้างบรรยากาศ blue LED ambient lighting ไฟส่องภายในแบบ LED และลำโพงคุณภาพ 10 จุด จาก FOCAL® Premium Hi-Fi system
ส่วน Peugeot 508 Peugeot Sport Engineered ปรับหน้าตาแบบเดียวกับรุ่น 508 ปกติพร้อมชุดบอดี้ที่ทำขึ้นพิเศษพร้อมกันชนหน้าที่มีปีก สเกิร์ตข้างกับดิฟฟิวเซอร์ที่ตัดท่อไอเสียออกไปข้างละอัน ล้อขนาด 20 นิ้วพร้อมยาง 245/35R20 Michelin© Pilot Sport 4S
ชุดหุ้มหนังภายในรถเบาะนั่งทำความร้อนและนวดไฟฟ้าสำหรับคนขับ หน้าจอความบันเทิงขนาด 10 นิ้ว i-cockpit ระบบเสียงแบบพรีเมียม พร้อมปรับตัวรถเตี้ยลง, ด้านหน้ากว้างขึ้น 24 มม.และแทร็คหลังกว้างขึ้น 12 มม. ดิสก์เบรกหน้าเส้นผ่านศูนย์กลาง 380 มม. พร้อมคาลิเปอร์สี่ลูกสูบ
ขุมพลังเบนซินเทอร์โบรหัส EP6FDT 1.6 ลิตร มีเวอร์ชัน PLUG-IN HYBRID สามรูปแบบทั้ง PLUG-IN HYBRID 180 e-EAT8 รุ่นใหม่ 150 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลัง 110 แรงม้าที่ 2,500 รอบ/นาที แรงบิด 320 นิวตันเมตรที่ 500-2,500 รอบ/นาที
พร้อมความจุแบตเตอรี่ 12.4 kWh เมื่อทำงานร่วมกันจะได้กำลังรวม 180 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 59-65 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
อีกขุมพลังกับ PLUG-IN HYBRID 225 e-EAT8 1.6 ลิตร 180 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 300 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลัง 110 แรงม้าที่ 2,500 รอบ/นาที แรงบิด 320 นิวตันเมตรที่ 500-2,500 รอบ/นาที
พร้อมความจุแบตเตอรี่ 12.4 kWh เมื่อทำงานร่วมกันจะได้กำลังรวม 225 แรงม้าที่ 6,000รอบ/นาที แรงบิด 360 นิวตันเมตรที่ 2,750 รอบ/นาที วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 60-63 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้า 135 กม./ชม.
ใหญ่สุดกับ PLUG-IN HYBRID 360 e-EAT8 4WD ขับเคลื่อนสี่ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ โดยล้อหน้าส่งกำลังมาจากขุมพลัง 1.6 ลิตร 200 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 300 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์ ล้อหลังมาจากมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 223 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 520 นิวตันเมตรที่ 500-4,760 รอบ/นาที
พร้อมความจุแบตเตอรี่ 12.4 kWh เมื่อทำงานร่วมกันจะได้กำลังรวม 360 แรงม้าที่ 6,000รอบ/นาที แรงบิด 520 นิวตันเมตรที่ 2,750 รอบ/นาที วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 52 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้า 138 กม./ชม. ในรุ่น 508 Peugeot Sport Engineered
ทั้งสามขนาดขุมพลังเสียบปลั๊กสามารถชาร์จได้แค่ AC กระแสสลับเท่านั้น ตั้งแต่ตู้ Wall Box single-phase รองรับการชาร์จสูงสุด 7.4 kW ชาร์จเร็วสุด 1.40 ชม. ตู้ชาร์จแบบ reinforced socket รองรับการชาร์จสูงสุด 3.7 kW ชาร์จเร็วสุด 3.25 ชม. และตู้ standard socket รองรับการชาร์จสูงสุด 3.7 kW ชาร์จเร็วสุด 7.05 ชม.
นอกจากนี้ยังมีขุมพลังสันดาปล้วนตั้งแต่เบนซินเทอร์โบ 3 สูบ 1.2 ลิตร PureTech 130 EAT8 EB2ADTS 131 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบ/นาที เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ 1.6 ลิตร Puretech 218 EAT8 รหัส EP6FDT 218 แรงม้า 5,750 รอบ/นาที แรงบิด 300 นิวตันเมตรที่ 1,900 รอบ/นาที
ใหญ่สุดเบนซินเทอร์โบ 4 สูบ 1.6 ลิตร Puretech 224 EAT8 รหัส EP6FDT 224 แรงม้า 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 300 นิวตันเมตรที่ 2,750 รอบ/นาทีและดีเซลเทอร์โบ BlueHdi 130 EAT8 1.5 ลิตร 131 แรงม้าที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิด 300 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบ/นาที
โดยทุกขนาดทุกความแรงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด e-EAT8 และ EAT8 พร้อมโหมดการขับขี่ ทั้ง Electric, Eco, Hybrid, Normal, Sport and 4WD, ในรุ่น PHEV และ Eco, Normal, Sport ในรุ่นเบนซิน ดีเซล และช่วงล่างสามารถปรับได้ตามโหมดการขับขี่ถึงสามโหมดทั้ง Normal, Sport และ Comfort ในรุ่นปกติและ Comfort/Hybrid/Sport ในรุ่น 508 PSE
ความปลอดภัยครบครันทั้ง ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go Adaptive cruise control with Stop and Go function, เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Automatic emergency braking with collision warning Active, เตือนออกนอกเลน Lane Departure Warning, ช่วยคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Keeping System,ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Alert
กล้องมองภาพขณะถนนมืด Night Vision system, เตือนมุมอับสายตา Blind spot monitoring. กล้องมองภาพขณะเดินหน้าและถอยจอดความคมชัดสูง High-definition parking aid cameras และกระจกมองข้างปรับมุมเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง Mirror indexing
Peugeot 508 รุ่นปรับโฉมเตรียมพร้อมจำหน่ายทั่วโลกเร็วๆนี้ ทั้งรุ่น ALLURE, GT และ PEUGEOT SPORT ENGINEERED มีทั้งหมด 7 สีทั้ง สีขาวใหม่ Okenite White, สีน้ำเงินใหม่ Eclipse Blue, สีเทาใหม่ Titanium Grey, สีเทา Selenium Grey, สีเทา Artense Grey, สีแดง Elixir Red และ สีดำPerla Nera Black
ที่มา Peugeot