ออสเตรเลียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ Polestar 4 หนึ่งในเป็นความหวัของหมู่บ้านดาวเหนือที่จะบุกตลาดเวอร์ชันพวงมาลัยขวาอย่างเป็นทางการ
Polestar 4 เอสยูวีที่พัฒนาใหม่หมดและไม่เกี่ยวข้องกับ Polestar 3 ในร่างคอมแพ็คเอสยูวีทรงคูเป้ หล่อโดนใจสาวกตั้งแต่ โลโก้ดาวเหนือบนขอบฝากระโปรงหน้า ในชุดกระจังหน้าปิดทึบทั้งแผงประกบกับไฟหน้า LED ดีไซน์ใบมีดคู่ ชุดกันชนหน้าพร้อมช่องระบายอากาศทรงสปอร์ตเสริมสเกิร์ตในตัว ด้านข้างเก๋ด้วยที่เปิดประตูดีไซน์ซ่อนรูปเรียบเนียนกับกระจกไร้กรอบหรือ Hardtop แบบโอเปร่า กระจกมองข้างดีไซน์เอกลักษณ์ หลังคารถที่ลาดลง ไฟท้าย LED ดีไซน์ U คว่ำ แนวยาว จุดสังเกตรุ่นนี้ไม่มีกระจกหลังบานใหญ่มาให้มาเป็นแนวปิดทึบ ล้ออัลลอยมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 20 พร้อมยาง 255/50R20 จากค่าย Pirelli P Zero tyres ขนาด 21 นิ้วพร้อมยาง 255/45R21 Michelin Pilot Sport 4 EV tyres และขนาดใหญ่ 22 นิ้ว พร้อมยาง Pirelli P Zero tyres
ตัวรถสร้างจากพื้นฐาน Sustainable Experience Architecture (SEA) ถึงแม้วางตำแหน่งการตลาดให้เล็กกว่า Polestar 3 มิดไซซ์เอสยูวี ด้วยความยาว 4,839 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,139 มิลลิเมตร ความสูง 1,544 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,999 มิลลิเมตร ความสูงจากใต้ท้องรถิ 166 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 2,230-2,355 กิโลกรัม
ภายในหรูดูดีด้วยจอมาตรวัดดิจิตอลขนาดใหญ่ 10.2 นิ้ว กับจอสัมผัสเชื่อมต่อระบบความบันเทิงและการสื่อสารขนาดใหญ่ 15.4 นิ้ว พัฒนาร่วมกับ Google รองรับ Android Automotive OS มีคุณสมบัติในตัวของ Android เช่น Google Maps, Google Assistant Google Play Store และรองรับ Apple CarPlay พร้อมลำโพง Harmon Kardon 12 จุด กำลังขับ 1,400 วัตต์ และยังอัปเกรดเพิ่มลำโพงฝังที่พนักพิงศรีษะด้านหน้าแต่ละข้าง รวมทั้งหมด 16 จุด
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านจอ Head-Up Display ขนาด 14.7 นิ้วพร้อมสีข้อความในจอ HUD เป็นสีเหลือง ก็มีมาให้ ที่เปิดประตูภายในดีไซน์เก๋ เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนัง NAPPA, ผ้าไมโครเท็กซ์ Bio-attributed Micro Tech และหนังที่ทำจากหนังสัตว์ที่ผ่านมาตรฐานหลักสวัสดิภาพสัตว์หรือ Animal welfare พรมปูพื้นทำจาก ECONYL เข็มขัดนิรภัยสีเหลืองทุกเส้น เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบฟอกอากาศ Air particle filter สร้างบรรยากาศอันอบอุ่นด้วยไฟ Ambient lighting มีที่ชาร์จมือถือไร้สาย และหลังคารถแบบพาโนรามิกซันรูฟ มีพื้นที่สัมภาระด้านท้าย 526 ลิตร และถ้าพับเบาะมีพื้นที่มากขึ้น 1,536 ลิตร และที่วางของใต้ฝากระโปรงหน้า 15 ลิตร
ขุมพลังขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้า permanent magnet synchronous motor พร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 100 kWh ที่มีสองความแรงเริ่มที่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้กำลังสูงสุด 544 แรงม้า แรงบิด 686 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 580 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 610 กิโลเมตรตามมาตรฐาน อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทั้งคู่การชาร์จแบบกระแสตรงหรือชาร์จเร็ว DC รองรับการชาร์จสูงสุด 200 kW จาก10-80% ภายในเวลา 30 นาที และชาร์จแบบกระแสสลับหรือขาร์จช้า AC รองรับการชาร์จสูงสุด ทั้ง 11 และ 22 kW คู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed มาพร้อม SuperVision Advanced Driver Assistance System จาก Mobileye ที่มีกล้อง 12 ตัว เรดาร์ 1 ตัว และเซนเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัวเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
และความปลอดภัยครบครันทั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน 7 จุด ไม่มีถุงลมนิรภัยคั่นกลางระหว่างเบาะนั่งคู่หน้า เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking (AEB) เมื่อมีรถหรือคนมาจากด้านหน้าด้านหลัง จักรยาน และรถสวนทางขณะเลี้ยวทางแยก เตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning System (FCW) ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ Adaptive cruise control (ACC) ช่วยควบคุมความเร็วเว้นระยะห่างจสกรถยนต์คันหน้า และรักษาตำแหน่งของรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Pilot Assist สูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System (LKAS) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Centering Assist (LCA) ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน Lane Change Assist (LCA) เตือนสัญญาณจราจร และตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดอัจฉริยะ Road sign recognition with intelligent speed limit assist ช่วยตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ Driver monitoring system ตรวจสอบจุดอับสายตา Blind-spot monitoring and intervention ตรวจวัดลมยาง Tyre pressure monitoring system เบาะนั่งคู่หน้ามีระบบช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอและที่หลังจากการสะบัดของศีรษะได้ Front seat occupant whiplash protection และ เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร Interior motion sensor
Polestar 4 จำหน่ายที่ออสเตรเลียด้วยกันสองรุ่นย่อยทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อนสี่ล้อในราคารวมค่าใช้จ่ายบนถนน หรือ on-road costs $81,500-$93,050 หรือราว 1,899,000-2,149,000 บาท และส่งมอบตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้
ที่มา Carexpert