จากภาพหลุดในโลกออนไลน์กับการปรับโฉมในรอบหกปีของเก๋งไฟฟ้ายอดนิยมของค่ายอย่าง TESLA Model 3 และในที่สุดก็ได้เปิดตัวเสียที
สิ่งที่เปลี่ยนไปเริ่มที่ภายนอกกับไฟหน้า Full LED พร้อมไฟ DRL แบบ LED ดีไซน์ใหม่ออกแบบอย่างลงตัวรับกับกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ที่ช่องระบายอากาศยังอยู่ในตำแหน่งเดิมเน้นความเรียบง่าย รับกับฝากระโปรหน้าโค้งมน เส้นสายด้านข้างเรียบง่ายและหรูหรา หลังคาท้ายลาดในสไตล์รถ Fastback มือเปิดประตูเป็นแบบราบเรียบเนียนกับตัวถังรถด้านท้ายออกแบบใหม่ทั้งกะปิตั้งแต่ไฟท้าย LED รูปตัว C รับกับฝาท้ายใหม่และกันชนหลัง ล้ออัลลอยลายใหม่ตั้งแต่ขนาด 18 นิ้วลาย Photon พร้อมยาง 235/45R18 ขนาด 19 นิ้วลาย NOVA พร้อมยาง 235/40R19 และขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง Pirelli P Zero ขนาด 235/35R20
มิติตัวรถปรับเล็กน้อยตั้งแต่ ความยาว 4,720 มม. ความกว้าง 1,933 มม. ความสูง 1,441 มม. ระยะฐานล้อ 2,875 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 138 มม.แต่น้ำหนักรถจะแตกต่างเริ่มที่รุ่น Standard Range RWD จะมีน้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 1,765 กก., รุ่น Long Range AWD น้ำหนักรถคือ 1,828 กก.
ภายในใหม่หมดลบภาพจำเดิมๆของดีไซน์ภายในตั้งแต่ชุดแผงคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่ายกว่าเดิมพร้อมชุดแต่งแผงคอนโซลหน้านแนวนอน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านติดตราโลโก้ตัวอักษร TESLA แทนโลโก้ตัวทีควบคุมแบบ Joy Stick 2 ปุ่ม จอสัมผัสขนาดใหญ่ออกแบบใหม่ใหญ่ขึ้น 15.4 นิ้วจากเดิม 15 นิ้ว ที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของตัวรถทั้งคันไว้ในจอเดียวเป็นทั้งระบบความบันเทิง การนำทาง และเครื่องปรับอากาศ
รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติ Over-the-air ผ่านทางดาวเทียมจะคอยอัปเกรดฟังก์ชันคุณสมบัติ การทำงานต่างๆ และประสิทธิภาพใหม่ตลอดเวลา เพิ่มจอหลังขนาด 8 นิ้วรองรับความสบายของผู้โดยสารตอนหลัง เพิ่มไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร หรือ Ambient Light เบาะนั่งหนังแท้แบบเจาะรูพร้อมเป่าอุ่นเบาะในตัว และกระจกเป็นแบบลดเสียงรบกวน Acoustic Glass
พร้อมลำโพงคุณภาพ 17 จุด รวมซับวูฟเฟอร์และแอมพลิฟายเออร์คู่ และ 9 จุดรวมซับวูฟเฟอร์และแอมพลิฟายเออร์อย่างละหนึ่งจุดในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง เพื่อไดนามิกของเสียงภายในที่เทียบได้กับสตูดิโอบันทึกเสียง แท่นชาร์จมือถือไร้สาย หลังคาแก้วแบบพาโนรามิกที่กว้างช่วยเพิ่มพื้นที่เหนือศีรษะป้องกันรังสียูวี แป้นเหยียบแบบอะลูมิเนียมอัลลอยเพื่อเพิ่มความลงตัว และพื้นที่เก็บสัมภาระ 682 ลิตร
ขุมพลังมีด้วยกันสองแบบคาดแรงม้าแรงบิดเท่าเดิมแต่การปรับการชาร์จได้เร็วขึ้นทุกขนาดความแรงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 1-speed fixed gear ตั้งแต่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง Standard Range ให้กำลัง 283 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร พร้อมความจุแบตเตอรี่ Lithium-ion แบบ LFP 57.5 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 513 กม. ตามมาตรฐาน WLTP การเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 กม./ชม. ด้านการชาร์จมีสองแบบชาร์จแบบ DC กระแสตรง รองรับการชาร์จสูงสุด 170 kW ได้เร็วขึ้นถึง 15 นาที (เดิม 25 นาที) ทำให้รถวิ่งได้ถึง 282 กม. ส่วนชาร์จแบบกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW
ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ AWD Long Range ให้กำลัง 498 แรงม้า แรงบิด 493 นิวตันเมตร พร้อมความจุแบตเตอรี่ Lithium-ion แบบ NMC 75 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 629 กม. ตามมาตรฐาน WLTP การเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 233 กม./ชม. ด้านการชาร์จมีสองแบบชาร์จแบบ DC กระแสตรง รองรับการชาร์จสูงสุด 250 kW ได้เร็วขึ้นถึง 15 นาที (เดิม 27 นาที) ทำให้รถวิ่งได้ถึง 282 กม. ส่วนชาร์จแบบกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW
TESLA Model 3 รุ่นปรับโฉมมีสีใหม่สองสีทั้งสีแดง Ultra Red กับ สีเทา Stealth Grey พร้อมสีเดิมทั้ง สีดำ Solid Black สีน้ำเงิน Deep Blue Metallic และสีขาวมุก Pearl White พร้อมขายทั่วโลกเช่นมาเลเซียขายปลายปี ออสเตรเลียต้นปีหน้าส่วนเมืองไทยได้พบกันแน่นอน