หลังจากเปิดตัว Toyota Alphard และ Toyota Vellfire เจนที่ 4 ลักชัวรีแวนระดับเรือธงใหม่หมดทั้งคันที่พร้อมจะทำตลาดนอกประเทศญี่ปุ่นกับ Toyota Crown Vellfire
ลักชัวรีแวนเจนใหม่นี้เป็นฝาแฝดเดียวกับ Toyota Vellfire จากทางค่าย FAW Toyota ตั้งแต่กระจังหน้าโครเมียมพร้อมโลโก้ตรามงกุฎ พร้อมไฟหน้าแบบ Matrix LED 3 ดวงพร้อมไฟ Daytime Running Lights ไฟเลี้ยวหน้า-หลังแบบ Sequential กระจังหน้าดีไซน์แนวนอน 6 ชั้นกับชุดกันขนหน้า ดีไซน์ใครดีไซน์มัน และกันชนหลัง และมีไฟตัดหมอกหน้า LED
ด้านข้างมีเอกลักษณ์ด้วยสัญลักษณ์ตรามงกุฎบริเวณประตูคู่หน้าตรงเสา B เสริมคิ้วโครเมียมเด่นทั้งกรอบกระจกทุกส่วน พร้อมกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ทรงสปูนพร้อมที่เปิดประตูโครเมียมแบบดึงก้านออกแบบหลุมก้านเปิดประตูให้เรียบเนียนกับตัวถัง ล้ออัลลอยใหญ่สุด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/55R19 ด้านท้ายยังดูดีกว่าเดิมด้วยชุดแผงป้ายทะเบียนติดตรา Crown Vellfire มาพร้อมไฟท้าย OLED รูปตัว U พร้อมกรอบโครเมียมเล็ก ประตูสไลด์ และฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า หลังคามูนรูฟ 2 บานตรงกลางซ้าย-ขวาครั้งนี้สร้างบนพื้นฐาน TNGA (GA-K)
ภายในอลังการกับงานออกแบบเริ่มที่ชุดแผงคอนโซลหน้ามีจอสัมผัสขนาดใหญ่ตั้งแต่ 14 นิ้ว เชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay และ Andorid Auto ถัดลงมาเป็นปุ่มการทำงานของจอสัมผัสและเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิ พร้อมมาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านออกแบบใหม่ มีจอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือแผงคอนโซลหน้า Head-Up Display
รวมถึงชุดเบาะนั่ง VIP Captain Seat ดีไซน์หรูโอบกระชับกว่าเดิม มีจอการทำงานดีไซน์คล้ายกับสมาร์ตโฟนขนาด 5.5 นิ้ว ติดเบาะนั่ง VIP ซ้าย-ขวา สำหรับการปรับเบาะและควบคุมระบบความบันเทิงกับแอร์ได้ พร้อมไฟสร้างบรรยากาศแบบ LED 64 สีบนหลังคา และ ลำโพงคุณภาพพรีเมียม JBL 15 จุด และลำโพงมาตรฐาน 8 กับ 10 จุดให้เลือก ช่องชาร์จแบบเสียบสายผ่าน USB-C ทั้ง 2 จุด
ขุมพลัง HEV-Hybrid เบนซินใหม่ Dynamic Force A25A-FXS 2.5 ลิตร ให้กำลังถึง 190 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 236 นิวตันเมตร ที่ 4,300-4,500 รอบ/นาทีในภาคเครื่องยนต์ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าหน้าแบบ 5NM ให้กำลัง 182 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าหลังแบบ 4NM 54 แรงม้า แรงบิด 121 นิวตันเมตรและแบตเตอรี่ Hybrid แบบ Nickel-Metal ทำงานร่วมกันได้กำลังสูงถึง 250 แรงม้าแรงบิด 315 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT พร้อม Manual Mode 6 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four
พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าและระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ทั้ง เตือนการชนด้านหน้า Pre-Collision System (PCS) สามารถทำงานตอนกลางคืนและเบรกขณะข้ามแยกได้ควบคุมความเร็วและระยะห่างหน้ารถแบบทุกย่านความเร็ว All-Speed Dynamic Radar Cruise Control (DRCC) พร้อมหยุดและเคลื่อนรถอัตโนมัติ เตือนรถออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยช่วย Lane Departure Alert (LDA)
ช่วยให้รถอยู่ตรงกลางแม้ไม่มีเส้นจราจร LTA (Lane Tracing Control) ช่วยเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ Lane Change Assist (LCA) เปิด-ปิด ไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam (AHB)พร้อมไฟสูงปรับการกระจายแสงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam System (AHS) อ่านป้ายจราจร Traffic Sign Recognition (TSR) เตือนเมื่อรถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า Traffic Movement Notification (TMN) หักเลี้ยวสิ่งกีดขวางอัตโนมัติ PDA (Proactive Driving Assist) ช่วยลดความเร็วขณะเข้าโค้ง Curve Speed Reduction (CSR) เตือนมุมอับด้านหน้า FCTA (Front Cross Traffic Alert) เตือนรถด้านข้าง Blind Spot Monitoring (BSM) เตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) และเตือนขณะออกจากรถ Safe Exit Assist (SEA)
ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Toyota Teammate ขณะจอดรถและขณะขับขี่บนทางหลวง กระจกมองหลังแสดงภาพจากกล้องด้านหลัง ล้างเลนส์กล้องจากการฉีดน้ำ เซนเซอร์รถอัจฉริยะสามารถเบรกอัตโนมัติเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง Intelligent Clearance Sonar และถุงลมนิรภัยรอบคัน
Toyota Crown Vellfire มีเกรดความหรูสองรุ่นย่อย ในราคาเริ่มต้น 899,000 – 929,000 yuan หรือราว 4,399,000- 4,549,000 บาท
ที่มา Autohome