หลังจากเปิดตัวและขายที่ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ละตินอเมริกาไปสำหรับ Toyota Hilux GR Sport กระบะสายโหดพร้อมสู้คู่แข่งอย่าง Ford Ranger Raptor
ล่าสุดเปิดตัวแล้วที่อังกฤษด้วยหน้าตาดุดันด้วยกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมใหม่สีดำเข้มมีปีกซ้าย-ขวา พร้อมตราอักษร Toyota กับตรา GR รับกับไฟหน้า Bi-LED กับไฟ LED Daytime ในโคมเดียวกันพร้อม Follow Me Home และควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กันชนหน้าออกแบบใหม่รองรับความกว้างของตัวรถที่ใหญ่กว่ารุ่นปกติด้วยสีเดียวกับตัวรถ คิ้วขอบไฟตัดหมอกหน้า LED ออกแบบใหม่สีดำเข้ม รับกับคิ้วใต้กันชนหน้าสีเงินขนาดใหญ่กลมกลืนกับตัวรถพร้อมแผ่นกันกระแทกใต้เครื่องยนต์
ด้านข้างใหญ่โตขึ้นกับกับคิ้วขอบล้อทรงจัมโบ้สีดำรองรับการขยายของความกว้างช่วงล้อทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ล้ออัลลอยสีดำลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 265/65R17 จากยาง Bridgestone Dueler all-terrain บันไดข้างออกแบบแนวแท่งสีดำใหม่ลุยดุดันขึ้น ยางบังโคลนสี่ด้านออกแบบใหม่สมส่วนขึ้นพร้อมออปชันเดิมตั้งแต่ ไฟท้ายแบบ LED แบบเลข 3 Light Guiding ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวตกแต่งสีดำเมทาลิค สัญลักษณ์ GR Sport ที่บริเวณด้านท้าย หลังคารถสีดำ พิเศษติดตั้งสปอร์ตบาร์ดีไซน์พิเศษ เสาอากาศเสาสั้น และสเกิร์ตเสริมกันชนหลัง
ปรับร่างกระบะสี่ประตูตั้งแต่ความยาว 5,320 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,020 มิลลิเมตร ความสูง 1,880 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,085 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหน้า 1,675 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหลัง 1,705 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 265 มิลลิเมตร และความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร เมื่อเทียบกับรุ่นปกติแล้วมีการขยายในทุกส่วนความยาวตัวรถลดลง 5 มิลลิเมตร ความกว้างมากขึ้น 120 มิลลิเมนตร สูงขึ้นจากเดิม 15 มิลลิเมตรความกว้างช่วงล้อหน้ากว้างกว่าเดิม 140 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหลังกว้างกว่าเดิม 155 มิลลิเมตร
ภายในคล้ายสเปกออสเตรเลียด้วยโทนดำตกแต่งด้วยสีเงินรมดำแถบสีเทาเข้มผสมลายคาร์บอน เบาะนั่งกึ่งหนังแท้ผสมหนังกลับแบบเจาะรูสีดำเดินด้ายขาว พนักพิงศีรษะติดตรา GR ปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางในด้านคนขับ แผงคอนโซลหน้ากับแผงช่องแอร์หน้าตกแต่งด้วยสีเงินรมดำและสีดำเมทาลิค ส่วนแผงประตูขึ้นรูปสีดำบุหนังพร้อมแถบสีเงินรมดำและสีดำเมทาลิค พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านดีไซน์สปอร์ตหุ้มหนังเดินด้ายแดง ตกแต่ง Center Mark สีแดงส่วนบนของพวงมาลัย กุญแจ Smart Key ปุ่ม Push Start ติดตราโลโก้ GR ทั้งหมด แป้นคันเร่งและแป้นเบรกตกแต่งด้วยสีเงินสปอร์ต
มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ TFT เครื่องเสียงจอสัมผัส 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay Android Auto ลำโพง 6 จุด เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone แยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา ช่องต่อไฟฟ้ากระแสสลับ AC 220V เพื่อความสบายในการเสียบใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้า ไฟสร้างบรรยากาศสีน้ำเงินที่แผงประตู และพิเศษกับเข็มขัดนิรภัยเส้นสีแดงเพิ่มความดุกร้าวมากขึ้น
ขุมพลังเมื่อมาขายที่อังกฤษถูกตอนแรงม้าลงเป็น 204 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบต่อนาที (สเปกออสเตรเลีย 224 แรงม้าที่ 3,000 รอบต่อนาที แรงบิด 550 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที) จากพื้นฐานดีเซลเทอร์โบแปรผันขนาด 2.8 ลิตร รหัส 1GD-FTV คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบ Sequential Shift และ Paddle Shift ขับเคลื่อน 4 ล้อ Part Time แบบ Shift-On-The-Fly ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ A-TRC และระบบเฟืองท้าย Diff-Lock ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า
ช่วงล่างพัฒนาให้ลุยขั้นโหดสุดทั้งปรับช่วงล่างอิสระปีกนกคู่พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลงหน้าให้ทนทานขึ้นเพิ่มความแข็งของสปริงโช้คหน้าด้านหลังแบบแหนบแผ่นซ้อน 5 แผ่น โช้คแอพซอพเบอร์แบบโมโนทูบแบบใหม่ พร้อมดิสก์เบรกหน้า คาลิเปอร์สีแดง 4 พอต ขนาด 338 มิลลิเมตร และดิสก์เบรกหลัง คาลิเปอร์ 1 พอตขนาด 312 มิลลิเมตร เพิ่มสมรรถนะในการปีนป่ายด้วยมุมเงยหรือ Approach angle 30 องศา และมุมจาก หรือ Departure angle 26 องศา
Performance Pickup แดนปลาดิบ ประกอบที่โรงงาน Toyota South Africa Motors (Proprietary) Limited (TSAM) ที่เมืองเดอร์บัน จังหวัดควาซูลู-นาตัล ประเทศแอฟริกาใต้ เริ่มขายประเทศอังกฤษและกลุ่มประเทศยุโรปต้นปี 2024 และส่งมอบครึ่งปีหลังปีเดียวกันมีทั้งหมดห้าสีทั้ง สีขาว Glacier White สีขาวมุก Frosted White สีบอรนซ์เงิน Stunning Silver สีดำ Eclipse Black สีแดง Feverish Red ส่วนเมืองไทยในฐานะฐานผลิตส่งไปขายที่ออสเตรเลียมีแนวโน้มที่จะเผยในช่วงเวลาเดียวกันกับอังกฤษถ้ามาจริงแรงม้าอาจป้วนเปี้ยน 224 แรงม้า
ที่มา Toyota