หลังจากเปิดเผยหน้าตารุ่นปรับโฉมครั้งที่สาม สำหรับ Toyota Hilux เจนที่ 8 และหน้านี้เป็นหน้าสุดท้ายของเจนนี้ก่อนที่เจนใหม่มา
ทั้งออสเตรเลียและไทยเตรียมเปิดตัวแต่ว่าอินโดนีเซียเปิดตัวและขายตัดหน้าสองประเทศด้วยหน้าตาถอดแบบมาจาก Toyota Hilux FCEV เริ่มที่ กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมเวอร์ชันใหม่ปะตราโลโก้สามห่วง ไส้ในกระจังหน้ามาในแบบรังผึ้งข้างล่างเป็นแบบทรงสีเหลี่ยมพร้อมเส้นแนวนอนสองเส้นกันชนหน้าออกแบบใหม่รับกับกระจังหน้า พร้อมกรอบไฟตัดหมอกหน้า LED รูปตัวแอลสีดำดีไซน์ทันสมัย
พร้อมคิ้วสเกิร์ตสีดำสีเงินใต้กันชนหน้ามาแบบซ่อนรูปเด่น พร้อมออปชันเดิมทั้งไฟหน้า Bi-Beam LED กับไฟ LED Daytime ในโคมดียวกันพร้อมระบบ Follow Me Home ควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ที่เปิดประตู ไฟท้ายแบบ LED แบบเลข 3 Light Guiding ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ล้ออัลลอยลายเข้มและกระทะล้อ สีดำขนาด 17 นิ้วพร้อมยางขนาด 265/65R17
ภายในพร้อมออปชันเดิมทั้งแผงคอนโซลหน้าและแผงช่องแอร์หน้าตกแต่งหรูหรา แผงประตูขึ้นรูป พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มหนัง เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติช่องต่อไฟฟ้ากระแสสลับ AC 220V เบาะนั่งคนขับควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าปรับระดับ 8 ทิศทาง มาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอแสดงข้อมูล TFT ขนาด 4.2 นิ้ว เครื่องเสียงจอสัมผัส 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay Android Auto ลำโพง 6 จุด
ขุมพลังเป็นดีเซลเทอร์โบแปรผัน 2.4 ลิตร 2GD-FTV High-Power 150 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบ Sequential Shift กับ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีเฉพาะขับเคลื่อนสี่ล้อ Part Time แบบ Shift-On-The-Fly ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ A-TRC และระบบเฟืองท้าย Diff-Lock ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบความปลอดภัยทั้ง ระบบการควบคุมการทรงตัว VSC เสริมแรงเบรก BA ป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC เซนเซอร์กะระยะการจอดรถหน้า 2 จุด หลัง 4 จุด และถุงลมนิรภัย 3 จุดรวมใต้เข่าคนขับยกเว้นรุ่นท็อปสุดมาครบ 7 จุดรอบคัน
Toyota Hilux เปิดตัวและขายแล้วที่อินโดนีเซียทั้งหมดสามรุ่นในตัวถังสี่ประตูขับเคลื่อนสี่ล้อทั้งรุ่น 2.4 E, 2.4G และ 2.4 V เกียร์อัตโนมัติ ในราคาเริ่มต้น Rp 442,200,000.00-526,550,000.00 หรือราว 999,000- 1,189,000 บาท ส่วนออสเตรเลียเปิดตัวช่วงเดือนมีนาคมและไทยก็จะเปิดตัวในช่วงเดียวกัน
ที่มา Autonetmagz