หลังจากที่ Toyota ส่งมอบ Toyota Hilux REVO e กระบะไฟฟ้าให้กับเมืองพัทยาบริการรถสองแถว 10 บาท จนถึงสิ้นปี 2568
เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการใช้งาน มาพัฒนาขั้นสุดท้ายก่อนเตรียมที่จะเปิดตัวและขายไทยช่วงสิ้นปี 2568 ล่าสุดสำนักข่าว Reuters รายงานว่า Pras Ganesh รองประธานบริหาร Toyota Motor Asia ยืนยันที่จะผลิต Toyota Hilux REVO e หรือ Toyota Hilux BEV ที่ประเทศไทย โดยได้กล่าวไว้ในงานประชุมยานยนต์แห่งเอเชียว่า ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเพราะ Toyota กำลังสรุปกระบวนการพัฒนาทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นตัวรถ ขนาดแบตเตอรี่ ขีดความสามารถในการใช้งาน ออปชันประจำรถอย่างละเอียดเพื่อเข้าสู่การผลิตจริงและกำลังการผลิตต้องอยู่ในจำนวนที่มากพอที่จะรองรับทำตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศ ทางเราให้ความสำคัญกับเรื่องระยะทางการวิ่งนั้นเพราะระยะทางยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งต้องใช้ขนาดความจุแบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นส่งผลน้ำหนักรถก็ต้องเพิ่มขึ้นแต่อาจส่งผลเรื่องการบรรทุกที่น้อยลง ดังนั้น ขนาดแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับระยะทางต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง รวมถึงขนาดตัวรถนั้นจะสามารถตอบสนองความต้องการในการใช้งานได้หรือไม่ เรายังคงพัฒนาต่อไปเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น
Toyota Hilux REVO e กระบะไฟฟ้าออกแบบโดย Toyota Daihatsu Engineering Manufacturing (TDEM) ดัดแปลงจากรุ่นตอนเดียว จุดเด่นของกระบะไฟฟ้าคันนี้อยู่ที่ชุดกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมแบบปิดทึบปะตราโลโก้สามห่วงแบบสีเงิน ไฟหน้า Bi-LED โคมสีฟ้าพร้อมไฟ LED Daytime ในโคมเดียวกัน ล้ออัลลอยลายพิเศษ ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/65R17 จากยี่ห้อ Dunlop Grandtrek A/T กระจกมองข้างและที่เปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ กันชนหลังโครเมียม ไฟท้าย LED จุดสังเกตคือช่องชาร์จอยู่ที่บังโคลนด้านซ้ายโดยชาร์จแบบ กระแสตรง DC และกระแสสลับ AC
มิติตัวรถคล้ายกับ Toyota Hilux REVO รุ่นตอนเดียวยกสูงตั้งแต่ความยาว 5,265 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,800 มิลลิเมตร ความสูง 1,795 มิลลิเมตร ทางด้านพื้นที่กระบะภายใน มีตั้งแต่ความยาว 2,315 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,575 มิลลิเมตร และความสูงกระบะท้าย 480 มิลลิเมตร ภายในยกออปชันจาก REVO เครื่องดีเซลไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งแบบบักเก็ตซีท พวงมาลัยสามก้านปรับระดับได้ 4 ทิศทาง มาตรวัดความเร็ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay Android Auto สะดวกสบายรองรับทุกความบันเทิง ห้องโดยสารโทนสีดำทั้งหมดแผงคอนโซลหน้าดีไซน์เดิมพร้อมเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อม Full Mode ทิศทางลม 5 รูปแบบมอบความเย็นสบายทั้งคัน และหัวเกียร์ดีไซน์ใหม่แบบปุ่มหมุน
ขุมพลังที่เป็นไฟฟ้าล้วนที่ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรทำได้ในเวลา 11 วินาที และสามารถวิ่งไกลต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 300 กิโลเมตร ขับเคลื่อนสองล้อหลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ Single-speed reduction gear แต่ไม่ได้ระบุถึงความจุแบตเตอรี่ พลังแรงม้า แรงบิด และความสามารถในการบรรทุกสูงสุดเท่าไหร่รวมถึงระยะเวลาในการชาร์จทั้งแบบ CCS2 กระแสตรง DC และกระแสสลับ AC Type 2 และการทดลองบริการรถสองแถวครั้งนี้เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการใช้งาน มาพัฒนาขั้นสุดท้ายก่อนเตรียมที่จะเปิดตัวและขายไทยสิ้นปี 2568
ที่มา Carexpert
