More

    BMW 1 Series 2025 เจนใหม่เก๋งท้ายตัดเร้าใจทุกความแรง

    เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ BMW 1 Series เจนที่ 4 รหัส F70 และยังเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปี ของการจำหน่ายรุ่นนี้ซึ่งประสบความสำเร็จมาตลอด

    BMWครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงนอกจากหน้าตาแล้วการตั้งชื่อรุ่นย่อยนั้นเป็นรุ่นแรกของค่ายที่จะไม่มีคำว่า i ต่อท้ายอีกในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน แน่นอนว่าหน้าตาจะออกมาในแนวสากลตั้งแต่ไฟหน้าแบบ LED ทำมุมเล็กน้อย แบบ 4 ตาพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL ในโคมเดียวกันพร้อมกระจังหน้ารูปไตมาพร้อมกับซี่กระจังที่ลดงจำนวนลงเพื่อเป็นพื้นที่ของระบบ ADAS ซึ่งให้ความรู้สึกมีมิติยิ่งกว่าเส้นโค้งของหลังคาที่ทอดตัวอย่างสง่างาม พร้อมทรงหน้าต่างและเส้นข้างตัวรถที่ยาวขึ้นและไฟท้าย LED เพรียวบาง ล้อและยางเลือกได้หลายขนาดตั้งแต่ขนาด 17 รัดยาง 205/55 R17 ขนาด 18 นิ้ว คาดยาง 225/45 R18 และขนาด 19 นิ้ว

    BMWพร้อมกันนี้ยังมีการแนะนำ BMW M135 xDrive ตกแต่งรอบคันสไตล์ M หวังท้าชนกับเพื่อนร่วมชาติค่ายตัวเอ้ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-AMG A-Class ตัวรถใหญ่ขึ้นตั้งแต่ความยาว 4,361 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,800 มิลลิเมตร ความสูง 1,459 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,670 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 156 มิลลิเมตร ความจุถังน้ำมัน 49 ลิตร คาดยังใช้แพลตฟอร์ม  BMW UKL2 platform

    BMWภายในยกมาจาก BMW X1 รหัส U11 ปรับเข้ากับความเป็น 1 Series ด้วยหน้าจอคู่แบบโค้ง BMW Curved Display ที่รวมจอมาตรวัดดิจิตอล 10.25 นิ้วกับจอสัมผัส 10.7 นิ้ว มาอยู่ในตำแหน่งเดียวกันแบบลอยตัวมารวมกัน พร้อมระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 9 หรือ iDrive 9 สื่อสารที่ฉับไว รองรับ Apple CarPlay/Android Auto พร้อมฟังก์ชัน QuickSelect ลำโพงคุณภาพรอบคันเสริมออปชันเพิ่มเติมด้วยลำโพง Harman Kardon มีจอเหนือแผงคอนโซลหน้า Head-up Display

    เกียร์อัตโนมัติดีไซน์ใหม่แบบปุ่มบิดแทนคันเกียร์ เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านและ Paddle Shift เบาะนั่งทรงสปอร์ตพร้อมเบาะหลังพับได้แบบ 40:20:40 มีพื้นที่มากถึง 380 ลิตรในกรณีไม่พับเบาะและถ้าพับเบาะจะมีพื้นที่มากถึง 1,200 ลิตร ตัวเบาะหุ้มด้วยวัสดุหนังและผ้า Arktur มีช่องเสียบ USB-C ports 4 จุด และช่องเสียบ 12V 2 จุดและที่ชาร์จมือถือไร้สาย

    BMWขุมพลังยกมาจาก BMW X1 ทั้งกะปิไม่ว่าจะเป็นเบนซินและดีเซลล้วนเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ยังไม่มีปลั๊กอินไฮบริดออกมาในช่วงนี้แต่คาดว่าจะตามมครั้งนี้มาพร้อมระบบ Mild Hybrid ที่มีขนาด 48 โวลต์ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 20 แรงม้า แรงบิด 55 นิวตันเมตรและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดเล็กควบคู่กันเริ่มที่

    • รุ่น 120 กับเบนซิน 3 สูบ รหัส B38A15A  1.5 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 4,700–6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 240 นิวตันเมตร ที่ 1,500–4,400 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 226 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนล้อหน้า
    • รุ่น M135 xDrive ขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส B48A20T0 ให้กำลังมากถึง 300 แรงม้าสำหรับยุโรป และ 316 แรงม้าสำหรับอเมริกาหรือตลาดอื่นๆแต่รอบเท่ากันคือ 5,750-6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอาจมีเบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร รหัส B48B20A 204 แรงม้าที่ 5,000–6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 300 นิวตันเมตรที่ 1,450 – 4,500 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนล้อหน้าสำหรับตลาดบางประเทศ
    • ทางด้านดีเซลเทอร์โบเริ่มที่รุ่น 118 d และรุ่น 120 d รหัส B47D20 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 150 แรงม้า ที่ 3,750-4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.3 วินาทีในรุ่น 118 d และ 7.9 วินาทีในรุ่น 120 d ความเร็วสูงสุด 222 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ขนาดไหนจับคู่กับ เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 สปีด Steptronic และแป้นหลังพวงมาลัยแบบ Gearshift Paddle ความปลอดภัยเต็มคันทั้ง ควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) ช่วยเสรมิแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist) ไฟเบรกกระพรบิฉุกเฉิน (Dynamic Braking Lights) ควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC) เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) เตือนการชนด้านหน้า front collision warning เตือนการออกนอกเลน Lane Departure Warning แจ้งเตือนก่อนออกจากรถ Exit Warning

    BMWจดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition ช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Parking Assistant พร้อมฟังก์ชันพิเศษควบคุมการจอดได้จากสมาร์ตโฟน ในรุ่น 120 และ 120 d กล้องมองภาพรอบทิศทาง ถุงลมนิรภัยรอบคันรวมตำแหน่งเบาะคนขับ ระบบ Teleservices ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call) ป้องกันผู้ขับขี่จากอุบัติเหตุทุกรูปแบบ Active Protection เตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attentiveness Assistant) เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง และตรวจวัดลมยาง โดยทยอยส่งมอบให้ทั่วโลกได้รู้จักกันตั้งแต่ตุลาคมและรุ่น 1 Seires จะไม่ขายที่สหรัฐอเมริกาส่วนเมืองไทยอาจพบกันในช่วงปี 2025

    ที่มา BMW

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts